อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมแก้ปมปัญหามลพิษจากโรงงาน บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ใช้ทุกข้อกฎหมายจัดการปัญหากากตกค้าง ยกกรณีแวกซ์ กาเบ็จ เป็น “ราชบุรีโมเดล” ต้นแบบการบริหารจัดการปัญหาที่จะนำไปใช้กับพื้นที่อื่น
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาการแพร่กระจายของของเสียและกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายจากโรงงาน บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการคัดแยกและฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย รับวัสดุเหลือใช้และเคมีภัณฑ์ที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ บนพื้นที่มากกว่า 54 ไร่ ตั้งอยู่ ณ หมู่ที่ 8 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซ้ำเกิดเพลิงไหม้ไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) จึงได้สั่งการตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ และสั่งให้บริษัทหยุดประกอบกิจการโรงงาน พร้อมเร่งรัดให้ปฏิบัติตามแผนการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมไปกำจัดอย่างถูกวิธีและเป็นไปตามข้อกฎหมาย โดยกำชับให้ดำเนินการในส่วนพื้นที่ไฟไหม้ก่อน ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 มกราคม 2566
“ได้ย้ำการประกอบกิจการโรงงานต้องไม่สร้างผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม MIND ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน” นายจุลพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ กรอ.ได้ร่วมมือกับจังหวัดราชบุรี และกรมควบคุมมลพิษ นำทุกข้อกฎหมายมาใช้แก้ปัญหา โดยดำเนินการจัดทำแผนกำจัดของเสียและวัตถุอันตรายที่ตกค้างในพื้นที่ ควบคู่กับการจัดหางบประมาณสำหรับกำจัดกากอุตสาหกรรมและวัตถุอันตรายดังกล่าว ทั้งนี้ กรอ.อยู่ระหว่างขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อทำโครงการกำจัดบำบัดของเสียบนดินที่ตกค้างในและนอกโรงงาน วงเงินประมาณ 60 ล้านบาท คาดว่าระยะเวลาที่สำนักงบประมาณพิจารณาและเสนอนายกรัฐมนตรีตามระเบียบประมาณ 3 เดือน
นอกจากนี้ กรอ.ได้นำเสนอแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีบริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ในการประชุมครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 โดยที่ประชุมมีมติรับทราบแนวทางและให้ กรอ.ดำเนินการต่อไป ซึ่งแนวทางจะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 กำจัดของเสียที่ตกค้างบนดินทั้งในและนอกโรงงาน พร้อมค้นหาจุดที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่อยู่ใต้ดินภายในโรงงาน ระยะที่ 2 กำจัดแหล่งกำเนิดมลพิษใต้ดินที่แพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม พร้อมฟื้นฟูสภาพแวดล้อม จากนั้นจะฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากแวกซ์ กาเบ็จ
“กรอ.ยืนยันจะใช้ข้อกฎหมายทั้งหมดที่มีอยู่เป็นเครื่องมือ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยท่านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ได้ให้ความสำคัญและเห็นชอบให้ กรอ.ยกกรณีนี้เป็น “ราชบุรีโมเดล” และนำไปใช้เป็นต้นแบบในการบริหารจัดการปัญหากับโรงงานในพื้นที่อื่นที่ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน เพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อผลที่เกิดจากการประกอบกิจการ โดยต้องไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน” อธิบดีกรมโรงงานกล่าว