“ศักดิ์สยาม” เร่งเครื่องแผนพัฒนาที่ดินย่านบางซื่อ ตั้งเป้านำร่องแปลง A, E ภายในปีนี้ ด้าน SRTA เผยศึกษาเสร็จกลางปี 66 ลุยปั้นทำเลทองพลิกโฉม “บางซื่อ-ธนบุรี” เปิดประมูลปี 67
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการพัฒนาพื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน เนื้อที่รวม 2,325 ไร่ว่า ขณะนี้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มีการศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาแล้ว โดยประเมินว่าภายในปีนี้จะสรุปผลการศึกษา แนวคิดรูปแบบในการพัฒนาพื้นที่ 2 แปลงแรก คือ แปลง A ขนาดเนื้อที่ 32 ไร่ และพื้นที่แปลง E เนื้อที่ประมาณ 140 ไร่ และสามารถออกมานำร่องพัฒนาได้ก่อน
ส่วนแปลงอื่นๆ จะทยอยศึกษาและนำออกพัฒนาต่อไป ซึ่งจากที่ได้เดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น พบว่าภาคเอกชนประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจในการเข้ามาพัฒนาอย่างมาก เบื้องต้นมีประมาณ 18 บริษัท เนื่องจากมีการลงทุนอยู่ในประเทศไทยในด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว โดยกำลังรอให้ผลศึกษาที่ทำร่วมกับองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองญี่ปุ่น (Urban Renaissance Agency: UR) ซึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่น แต่ก็ต้องใช้เวลามากกว่า 40 ปี ดังนั้นขณะนี้ประเทศไทยถือว่ากำลังจะเริ่มนับหนึ่ง
ด้านนางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการบริษัทและรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรับบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า พื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน ซึ่งอยู่รอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งมีการศึกษาวางผังแม่บท (Master Plan) การพัฒนา โดยจะนำร่องแปลง A และแปลง E ก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างจ้างบริษัทที่ปรึกษา คาดว่าจะสรุปผลศึกษาได้กลางปี 2566 และนำเสนอบอร์ด SRTA จากนั้นจะทำเรื่องขอเช่าพื้นที่ต่อจาก รฟท.ตามขั้นตอน ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในปี 2567
สำหรับพื้นที่แปลง A นั้น มีการปรับแนวคิดการพัฒนาใหม่ให้เหมาะสมและจูงใจมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ รฟท.ได้เปิดประมูล 2 ครั้งแต่ไม่มีเอกชนสนใจ โดยนำมาพัฒนาเป็นสำนักงานการรถไฟฯ และด้านล่างจะเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้
ส่วนพื้นที่แปลง E มีเนื้อที่ค่อนข้างมากและทำเลมีศักยภาพ จะเน้นพัฒนาเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ จะมีที่ทำการกระทรวงคมนาคมรวมอยู่ด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงฯ ในการกำหนดรูปแบบร่วมกัน
"ภายในกลางปี 2566 แนวคิดรูปแบบการพัฒนาพื้นที่แปลง A และแปลง E จะเห็นภาพชัดเจน รวมถึงโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานย่านสถานีธนบุรี เนื้อที่ประมาณ 21 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะทบทวนการศึกษา รูปแบบ การพัฒนา แล้วเสร็จ และคาดว่าจะสามารถทยอยเปิดประมูลได้ในปี 2567" นางสาวไตรทิพย์กล่าว
ส่วนที่ รฟท.จะให้ SRTA รับบริหารทรัพย์สินต่างๆ นั้น ขณะนี้ รฟท.ยังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมลงนามสัญญาจ้าง ซึ่งจะมีทั้งสัญญาเช่าพื้นที่ของฝ่ายบริหารทรัพย์สิน สัญญาเช่าของฝ่ายเดินรถ รวม 7,000-8,000 สัญญา
นางสาวไตรทิพย์กล่าวว่า หาก รฟท.สามารถส่งต่อการดำเนินงานให้ SRTA ได้เร็ว SRTA จะสามารถนำที่ดินนั้นๆ ไปพัฒนาได้เร็วและสามารถสร้างรายได้ให้ รฟท.ได้เร็วด้วยเช่นกัน โดยที่ดินแปลงใหญ่นั้นจะมีการศึกษา ประเมินมูลค่าวงเงินลงทุน ซึ่งจะขึ้นกับศักยภาพและปัจจัยที่แตกต่างกันไปของที่ดินแต่ละแปลง ส่วนรายได้ที่ รฟท.จะได้รับเป็นส่วนของผลตอบแทนในการลงทุนที่จะประเมินตลอดอายุสัญญา หลักๆ จะอยู่ประมาณ 30% ของมูลค่าการลงทุน ซึ่งจะทยอยจ่ายเป็นรายปี ดังนั้น หากเปิดประมูลได้เร็ว รฟท.จะรับรู้รายได้เร็ว