xs
xsm
sm
md
lg

กกร.ชงตั้ง กรอ.ด้านพลังงาน ผนึกกำลังร่วมมือแก้วิกฤตด้านพลังงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กกร.เผยผลหารือกับ “พลังงาน” หาทางออกลดต้นทุนค่าไฟ เสนอสมาคมธนาคารไทยยืดระยะเวลาส่งคืนเงินต้นสำหรับลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนออกไป 1 ปี ขอผู้ประกอบการลดใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติลง และตั้ง กรอ.ด้านพลังงาน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา และสร้างความเข้าใจด้านพลังงาน หากทำได้ตามนี้ จะช่วยแก้ปัญหาค่าไฟสูงในระยะสั้นได้เร็วขึ้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้นำผู้แทนภาคเอกชนเข้าหารือนอกรอบกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2565 ว่า ภาคเอกชนได้ขอบคุณที่ฟังเสียงภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าไฟ โดยได้ช่วยลดค่า Ft จากเดิมที่จะปรับสูงขึ้น ถึงแม้ไม่ได้ตรึงราคาตามข้อเสนอของภาคเอกชน ซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับตัวและอาจต้องปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงบางส่วน โดยไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคมากเกินไป และภาคเอกชนทุกสาขาธุรกิจมุ่งมั่นพร้อมร่วมหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในการดูแลราคาพลังงานและราคาสินค้าและบริการในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน พร้อมประคองกำลังซื้อภายในประเทศให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

ทั้งนี้ กกพ. ได้ชี้แจงถึงมติของกระทรวงพลังงาน ให้ ปตท.และ กฟผ. ทบทวนประมาณการณ์สมมุติฐานราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาน้ำมันดีเซล อัตราแลกเปลี่ยน และภาระหนี้คงค้างของ กฟผ. เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ค่า Ft จากเดิมที่จะปรับสูงขึ้น 190.44 บาทต่อหน่วย เหลือเพียง 154.92 บาทต่อหน่วย ทำให้ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย ในรอบบิลเดือน ม.ค.-เม.ย.2566

อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนของผู้ประกอบการร่วมกันในระยะสั้น ภาคเอกชนได้การประชุมครั้งนี้ ได้ขอให้สมาคมธนาคารไทย พิจารณายืดขยายระยะเวลาการส่งคืนเงินต้น สำหรับลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนออกไปอีก 1 ปี และคิดอัตราดอกเบี้ยในราคาถูก เพื่อเป็นการขอลดค่า AP (Availability Payment) หรือค่าความพร้อมจ่าย จากโรงไฟฟ้าเอกชนเป็นการชั่วคราวในช่วงวิกฤตพลังงานสูง

ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ 100% (มีมากกว่า 1 พันราย) ให้ลดการใช้ลงเหลือ 80% โดยเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันดีเซล 20% ที่ในขณะนี้มีราคาถูกกว่า หรือใช้พลังงานทดแทนอื่นที่เหมาะสม เพื่อทยอยให้ก๊าซธรรมชาติของไทยเข้าสู่ระบบมากขึ้นในกลางปี 2566 ตามการคาดการณ์ของภาครัฐที่ประมาณการณ์จะมีมากขึ้นแบบขั้นบันได ซึ่งจะทำให้การคำนวนค่า Ft ในรอบถัดไปมีอัตราที่ลดลง แต่การปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงผู้ประกอบการบางรายอาจจะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ ซึ่งจะมีการรวบรวมและหารือกับภาครัฐในการชดเชยผลกระทบดังกล่าวกับผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือต่อไป ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับจากภาคเอกชนหลายรายแล้ว อาทิ เช่น ทาง SCG เป็นต้น

นอกจากนี้ ขอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านพลังงาน (กรอ. ด้านพลังงาน) เพื่อร่วมกันหารือ แก้ไขปัญหาและสร้างความเข้าใจในด้านพลังงานที่มีผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ซึ่งส่วนนี้หากมีการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็จะสามารถหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกันได้

“หากภาครัฐและเอกชนร่วมมือไปด้วยกันในข้อเสนอแนะดังกล่าว จะส่งผลให้มีการคำนวณค่า Ft ในรอบใหม่ได้เร็วขึ้น ซึ่งข้อเสนอแนะ 3 ข้อดังกล่าว สอดคล้องกับแนวทางของ กกร. ที่เสนอแนะต่อภาครัฐไปก่อนหน้านี้ โดยเชื่อว่าจะเป็นทางออกร่วมกันในการแก้ไขปัญหาค่าไฟสูงในระยะสั้นได้เร็วขึ้น สำหรับระยะยาว ภาคเอกชนพร้อมที่จะปรับตัวในการใช้พลังงานทางเลือกให้เหมาะสม เพราะในส่วนนี้เป็นการสร้างความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ แม้ว่าค่าไฟของประเทศไทยในปัจจุบันจะสูงกว่าทั้งเวียดนามและอินโดนีเซียก็ตาม แต่ประเทศอื่นใช้สัดส่วนพลังงานจากถ่านหินที่มากกว่าไทย และยังเห็นว่า ภาคครัวเรือน ก็จำเป็นต้องมีความตระหนัก ปรับตัวในการใช้ไฟฟ้าอย่างเหมาะสมเช่นกัน ซึ่งจะมีการหารือใน กรอ. พลังงาน เพื่อสร้างมาตรการและปลูกฝังจิตสำนึกในการประหยัดพลังงานในลำดับต่อไป”นายสนั่นกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น