ผู้จัดการรายวัน 360 - ชี้ช่อง ‘เอสเอ็มอีไทย’ ปี 2566 หาโอกาสจากการท่องเที่ยวฟื้นใช้กลยุทธ์ ‘สไนเปอร์ มาร์เกตติ้ง’ การตลาดแม่นยำเฉพาะจุด
นายวรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้ง Officemate อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) และอดีตนายกผู้ค้าปลีกไทย กล่าวในหัวข้อ Next Trends 2023 ทางสว่าง SME ที่ต้องขยับตัว ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ‘โซอี้ Digital Shortcut’ ต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กระทบยังประเทศไทย ในปี 2566 โดยในภาพรวมจะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดโควิดที่เกิดขึ้นช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังไม่มีท่าทีผ่อนคลาย
จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นถือเป็นวิกฤตที่กระทบยังภาคธุรกิจเอสเอ็มอีไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยในปี 2566 ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่หากมองปัจจัยบวกของไทยยังได้รับการสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวของประเทศที่ทยอยกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่กลางปี 2565 ที่ผ่านมา ถึงขณะนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังไทยมากกว่า 11 ล้านคน
“ในปี 2565 ไม่ว่าจะทำธุรกิจใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว คาดจะมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นตาม ด้วยภาคการท่องเที่ยวของไทยจะมีความร้อนแรงมากขึ้น ด้วยไทยยังคงเป็นเดสติเนชันการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอาการที่เรียกว่า Bangkok Blue ที่เกิดขึ้นกับชาวต่างชาติแถบยุโรป แคนาดา ที่มีอาการไข้คิดถึงกรุงเทพฯ หลังจากมาเที่ยวและกลับไปบ้าน” นายวรวุฒิกล่าว
ทั้งนี้ จากทิศทางดังกล่าวมองว่าประเทศไทยสามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ผ่านการบริโภคภายในประเทศทั้งกำลังซื้อจากคนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางกลับมายังไทยเป็นจำนวนมาก สร้างการจับจ่ายให้เกิดขึ้น เป็นไปตามกลไกของจีดีพี ซึ่งประเทศไทยมีความแข็งแกร่งจากโครงสร้างระบบการให้บริการด้านต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติในช่วงก่อนสถานการณ์โควิดได้ถึงเกือบ 100 ล้านคน
จู่โจมความต้องการเชิงลึกกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยว
นายวรวุฒิกล่าวว่า ในปี 2566 เศรษฐกิจไทยจะได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว กระตุ้นทุกภาคส่วนรวมถึงอุตสาหกรรมไมซ์ที่จะเข้ามาเชื่อมต่อ หรือที่เรียกว่า MICE Connect ในทุกภาคส่วนธุรกิจ บริการที่เกี่ยวข้องเป็นลูกโซ่
พร้อมยกตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ที่นอกจากจะมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวแล้ว ขณะเดียวกันยังสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับเมืองได้อีกมหาศาล จากการต่อยอดให้เป็นศูนย์กลางด้านเงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก ที่ส่วนใหญ่เป็นมหาเศรษฐี นายธนาคาร มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตหรูหราและเดินทางมาบ่อยครั้ง ทำให้เมืองต้องพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกมารองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้
ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวไทย อย่างเกาะภูเก็ต สามารถนำแนวคิดลักษณะนี้มาปรับใช้ได้ด้วยเช่นกัน
ในปี 2566 ยังจะเป็นปีแห่งการปรับเปลี่ยนผู้ประกอบการไทยต้องเข้าไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นเพื่อให้ทันต่อความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีในช่วงการแพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา ทั้งการสั่งอาหารผ่านบริการฟูดดีลิเวอรี การซื้อสินค้าบริการออนไลน์ เป็นต้น โดยคนไทยยังติดอันดับหนึ่งในห้าของโลกที่มีการจับจ่ายสินค้าออนไลน์มากที่สุด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางรอดของเศรษฐกิจไทยในอนาคตด้วยเช่นกัน
ขณะที่เอสเอ็มอีไทยมีจุดแข็งด้านการผลิตที่แข็งแกร่ง แต่ยังติดกับดักด้านนวัตกรรมสินค้าและการตลาดช่องทางออนไลน์ ซึ่งแตกต่างกับผู้ผลิตสินค้าในประเทศจีนที่มีระบบการค้าครบวงจร รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซออนไลน์ในประเทศเอง เช่น เถาเป่า อาลีบาบา ฯลฯ ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ ถือเป็นการบายพาสธุรกิจค้าปลีกทั้งระบบของจีน ซึ่งกระตุ้นการบริโภคได้ในภาพรวม ด้วยการให้ทุกคนสามารถทำการค้าขายออนไลน์ และก้าวข้ามกับดักความยากจนได้
เอสเอ็มอียุคใหม่ข้อมูลต้องแน่นและแม่นยำ
นายวรวุฒิกล่าวอีกว่า นอกจากนี้เอสเอ็มอีไทยยุคใหม่ยังต้องให้ความสำคัญต่อการเก็บรวบรวมฐานข้อมูลด้านต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์บริการให้ตรงตามความต้องการลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยจากนี้ไปข้อมูลจะเป็นทรัพย์สินสำคัญในการทำธุรกรรมต่างๆ ในอนาคต โดยเฉพาะ Data Transaction ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ธุรกิจรับรู้เทรนด์ความต้องการของลูกค้าที่จะเกิดขึ้นในระยะต่างๆ เพื่อคาดการณ์การผลิตสินค้าบริการออกมารองรับ
โดยจากนี้ไปจะได้เห็นการนำข้อมูลมาร่วมวิเคราะห์การทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจงรายบุคคลมากขึ้น หมดยุคยิงกราดด้วยปืนกลแล้ว แต่จะเปรียบเสมือนการใช้สไนเปอร์มาเจาะแต่ละรายตัวลูกค้าแทน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการตลาดและการขายที่แม่นยำมากขึ้น
ทบทวนสินค้าบริการแล้วเพิ่มมูลค่าฝ่าวิกฤต
อย่างไรก็ตาม ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยที่ทั่วโลกจะต้องเผชิญหน้าในปี 2566 ทำให้เอสเอ็มอีมีความยากลำบากมากขึ้นไปอีก ซึ่งการจะทำมาค้าขายให้มีความคล่องตัวได้นั้น นอกจากการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ แล้ว ยังจะต้องย้อนกลับมาถามว่าสินค้า บริการของตัวเองนั้นมีดีและแตกต่างไปจากคู่แข่งในตลาดเดียวกันด้านใด
โดยประการแรก คือ หาวิธีการสร้างการรับรู้สินค้าในกลุ่มเป้าหมายให้ได้ และใส่นวัตกรรมสินค้าเข้าไป ซึ่งปัญหาหลัก 80% ของเอสเอ็มอีไทย คือ คุณภาพสินค้า ส่วนลำดับถัดไป คือ การทำตลาด (Marketing) เพื่อทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้าให้ได้มากที่สุดผ่านช่องทางหรือแพลตฟอร์มที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง
“ช่วงวิกฤตแบบนี้ทุกคนต้องเหนื่อยกว่าช่วงปกติหลายเท่าตัว อย่างเช่นหากขายข้าวเหนียวห่อหมูปิ้งธรรมดาเหมือนๆ กับเจ้าอื่นทั่วไป ก็ต้องไปหาวิธีทำยังไงให้อร่อยแบบกินพร้อมกับข่าวเหนียวถือมือเดียวได้ อันนี้ก็ต้องลองผิดลองถูกก่อน ใช้ความขยันเป็นพิเศษ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่รอด” นายวรวุฒิกล่าว
ตีโจทย์การตลาดใหม่ ให้แตก
สำหรับเทรนด์ธุรกิจในปี 2566 จะเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม และ เวล บีอิง (Well Being) ซึ่งเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีจะปรับตัวไปในทิศทางใดนั้นขึ้นอยู่กับว่าสามารถตีโจทย์สินค้า บริการเดิมที่มีอยู่แตกหรือไม่ หรือตรงต่อความต้องการตามกระแสที่เกิดขึ้น ซึ่งการจะทำธุรกิจใดๆ ก็ตามถือว่าดีทั้งหมด แต่สุดท้ายคำตอบอยู่ที่การหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรมากกว่า ด้วยจะสะท้อนออกมาเป็นภาพรวมทั้งหมด เช่น การทำร้านกาแฟ เครื่องดื่มมีรสชาติดีหรือไม่ ร้านตกแต่งงบรรยากาศเป็นอย่างไร ซึ่งในปี 2566 จะมีทั้งธุรกิจรุ่ง และร่วง
เอสเอ็มอีทำบัญชีเดียวช่วยธุรกิจรอด
นายวรวุฒิกล่าวว่า อีกหนึ่งเคล็ดลับทำธุรกิจเอสเอ็มอีให้ประสบความสำเร็จ คือ เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญต่อระบบบัญชี โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีเดียวเพื่อแสดงรายรับรายจ่ายของธุรกิจที่เกิดขึ้นตามจริง เพื่อสะท้อนต้นทุนการดำเนินงานของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจมากกว่า รวมไปถึงการจดรายการใช้จ่ายด้านต่างๆ ทั้งส่วนตัวและทางธุรกิจ โดยตัดทิ้งค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นออกไป ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีลดต้นทุนและช่วยให้ธุรกิจประคับประคองไปได้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย