“พีรศักดิ์” อดีตผอ.สำนักนิติการ อคส. ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม หลังทำคดีทุจริตใน อคส. ทั้งค้างเก่า และคดีใหม่ จนฟ้องร้องผู้ที่เกี่ยวข้องได้เป็นจำนวนมาก สร้างประโยชน์ให้กับหลวง แต่ถูกคนเสียประโยชน์รวมหัวยื่นหนังสือร้องเรียนในความผิดส่วนตัว จนถูกตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และวินัยร้ายแรง ทำหนังสือคัดค้านถึง ผอ.อคส. รอคำตอบใน 30 วัน ยันจะสู้ต่อไป
ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ เตชพิพิธมงคล นักบริหาร 9 อดีตผู้อำนวยการสำนักนิติการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง กรณีที่ตนในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนิติการ ตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ได้ทำการรื้อฟื้นคดีทุจริตค้างเก่าของ อคส. จำนวนมาก ตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าว โครงการปรับปรุงข้าวสารบรรจุถุง (ข้าวถูกใจ) รวมถึงคดีทุจริตใหม่ อย่างโครงการจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง โครงการจัดซื้อทุเรียน ข้าวโพด จนส่งผลให้คดีมีความคืบหน้าอย่างมาก และสามารถฟ้องร้องคดี และผู้เกี่ยวข้องได้เพิ่มขึ้นมาก ทำประโยชน์ให้กับรัฐ แต่ถูกผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีเหล่านี้ ทำหนังสือร้องเรียนตนมายังนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส.ว่า ตนเป็นบุคคลที่ถูกฟ้องร้อง ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนิติการ และต้องการให้ออกจากตำแหน่ง เพราะถูกบริษัทเอกชน 2 ราย แจ้งความผิดในฐานฉ้อโกง ที่สน.ทุ่งสองห้อง นำมาซึ่งการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 และล่าสุดตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2565 ทั้ง ๆ ที่ความผิดของตนไม่ถึงขั้นผิดวินัยร้ายแรง
สำหรับผลการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สรุปว่า ตนไม่ได้ฉ้อโกงบริษัท 2 ราย แต่เป็นการได้รับผลตอบแทนจากการทำงานให้ เพราะตั้งแต่ปี 2562 ตนเป็นทนาย รับทำคดีให้กับผู้ค้ามันสำปะหลัง 2 ราย ซึ่งเป็นคู่สัญญาของ อคส. และได้จ่ายค่าจ้างให้กับตน แต่คณะกรรมการฯ มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ตนได้ส่งเอกสารภายในของ อคส. ไปให้เอกชนลูกความ ถือเป็นการไม่รักษาความลับของ อคส. จึงเห็นควรให้สอบข้อเท็จจริงทางวินัย และผลการสอบวินัยได้ข้อสรุปว่า ตนมีความผิดฐานไม่รักษาความลับของ อคส. และเห็นควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง
“ผมได้ทำหนังสือค้านไปแล้วว่า ผลการสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เป็นผลการสอบที่ไม่ชอบ เพราะ 1 ใน คณะกรรมการสอบ พ้นสภาพการเป็นบอร์ด อคส. ไปแล้ว ทำให้ผลการสอบไม่ชอบ และผู้อำนวยการ อคส. ไม่มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง โดยเพิ่งส่งให้ผู้อำนวยการ อคส. วันที่ 26 ธ.ค.2565 ซึ่งผู้อำนวยการ จะมีเวลาพิจารณาคำคัดค้าน และทำหนังสือตอบกลับมาผมภายใน 30 วัน”
ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นที่น่าแปลกใจ ที่ อคส. มีคดีทุจริตมากมาย คิดเป็นความเสียหายให้กับรัฐจำนวนมาก เหตุใดจึงไม่เร่งรีบดำเนินการ แต่กลับมาตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องของตนเอง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับ อคส. เลย และที่สำคัญ ปัจจุบันงานสืบสวนสอบสวนคดีเกี่ยวกับโครงการของรัฐหยุดชะงัก แม้แต่คดีทุจริตถุงมือยางยังไม่มีความคืบหน้า จึงต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ตั้งคณะกรรมการเอ็กซ์เรย์ อคส. เหมือนกรณีทุจริตคลองด่าน ซึ่งตนพร้อมเครื่องมือในการปราบทุจริตให้ด้วย
“แม้ผมจะถูกกระทำ ก็จะสู้ ถ้าสู้ไม่ไหว ก็จะไปรับจ้างทำมาหากินเลี้ยงตัวเองต่อไป เพราะผมทำงาน ไม่มีการทุจริต ทำงานโดยสุจริตมาโดยตลอด ไม่มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง และพร้อมจะสู้ แม้จะสู้ไม่ไหว ก็จะสู้แบบมวยวัด และผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง หากสุดท้ายตัวเอง ต้องกลับมาทำงานให้ อคส. ก็ยังพร้อมที่จะทำหน้าที่ให้สมกับเป็นข้าของแผ่นดิน เพื่อตอบแทนแผ่นดินต่อไป”ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์กล่าว