นางภาวินี ณ สายบุรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานในพิธีรับมอบเครื่องกำจัดขยะเศษอาหาร จำนวน 1 เครื่อง จากนางสาวณัฐกานต์ คลอวุฒิอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอ๊คลิน (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องกำจัดขยะเศษอาหาร แบรนด์ OKLIN ณ ห้องประชุม 402 ชั้น 4 อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
นางภาวินี ณ สายบุรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เปิดเผยภายหลังพิธีรับมอบว่า ขยะอาหาร หรือ Food Waste นับเป็นหนึ่งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ทาง สส.ได้ให้ความสำคัญ เพราะในแต่ละปีอาหารกว่า 1,300 ล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั่วโลก ต้องกลายเป็นขยะอาหารที่ถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่า และที่สำคัญยังสร้างก๊าซเรือนกระจกถึง 8% กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการสนับสนุนให้ประชาชนมีองค์ความรู้ และมีส่วนร่วมในการดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะอาหารอย่างต่อเนื่อง
“เครื่องกำจัดขยะเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยภายใน 24 ชม. ที่ได้รับมอบจากบริษัท โอ๊คลิน (ประเทศไทย) จำกัด ในวันนี้จะสามารถช่วยสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ให้คนในหน่วยงานได้รู้แนวทาง และวิธีการในการจัดการกับขยะอาหารที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นอีก 1 วิธี รวมถึงเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับการจัดการ ป้องกัน แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม” นางภาวินีกล่าว
นางสาวณัฐกานต์ คลอวุฒิอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอ๊คลิน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทได้ให้ความสำคัญต่อการจัดการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก จึงมุ่งให้การสนับสนุนและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดโลกร้อน ด้วยการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมนับเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญ จึงได้มอบเครื่องกำจัดขยะเศษอาหาร รุ่น GG-02s สามารถเปลี่ยนเศษอาหารเป็นปุ๋ยได้ภายใน 24 ชม. โดยสามารถรองรับเศษขยะได้สูงสุดถึง 5 กก.ต่อวัน จำนวน 1 เครื่อง เพื่อเป็นประโยชน์ที่สอดคล้องกับนโยบายต่างๆ ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อไป
“บริษัทพร้อมให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการคัดแยกขยะทุกประเภท เพื่อให้เกิดการรีไซเคิลได้ง่ายและถูกต้อง สามารถจัดการปุ๋ยที่ได้ให้เหมาะสมในการใช้งาน โดยการทำแปลงเพาะปลูกตามความเหมาะสมของแต่ละองค์กร เกิดผลิตผลที่สามารถนำมาบริโภคได้อย่างยั่งยืน นำไปสู่การเพิ่มและการดูแลพื้นที่สีเขียวโดยรอบ เป็นการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์และก๊าซเรือนกระจกชนิดอื่นๆ ซึ่งทำให้ได้ประโยชน์ทั้งชุมชน และองค์กรอย่างยั่งยืน” นางสาวณัฐกานต์กล่าว