การรถไฟฯ รับชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ศูนย์การค้าบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน ประจำปี 2565 เป็นเงิน 1,309 ล้านบาทปีที่ 15 โดยจากปี 51-65 จ่ายผลประโยชน์รวมแล้ว 1.23 หมื่นล้านบาท โดยเหลืออีก 5 ปีหมดสัญญา
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ณ ห้องปฏิบัติการชั้น 3 ตึกบัญชาการรถไฟ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้แทนการรถไฟฯ รับชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ศูนย์การค้าบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธินประจำปี 2565 จากนายปัณฑิต มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานด้านการเงิน บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล ผู้แทนจากบริษัท เซ็นทรัลอินเตอร์พัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นค่าใช้ประโยชน์จากการใช้พื้นที่ของการรถไฟฯ ในรอบระยะเวลา 1 ปี (วันที่ 19 ธันวาคม 2564-18 ธันวาคม 2565) เป็นเงิน 1,309,059,000 บาท
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้ทำสัญญาให้สิทธิใช้ประโยชน์ศูนย์การค้าบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธินบนพื้นที่จำนวน 47.22 ไร่ ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย กับ บริษัท เซ็นทรัลอินเตอร์พัฒนา จำกัด เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 ระยะเวลาการใช้ประโยชน์ 20 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2551-18 ธันวาคม 2571 โดยผลตอบแทนรวมตลอดอายุสัญญาเป็นจำนวนเงิน 21,298,833,000 บาท (สองหมื่นหนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบแปดล้านแปดแสนสามหมื่นสามพันบาทถ้วน) กำหนดชำระค่าผลประโยชน์ศูนย์การค้าบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธินภายในวันที่ 19 ธันวาคมของทุกปี โดยจะต้องชำระให้แก่การรถไฟฯ เป็นรายปี รวม 20 งวด ตลอดระยะเวลาสัญญา
สำหรับการชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์การใช้พื้นที่ศูนย์การค้าบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน ประจำปี 2565 เป็นปีที่ 15 ที่การรถไฟฯ จะได้รับจากบริษัท เซ็นทรัลอินเตอร์ พัฒนา จำกัด โดยคิดเป็นจำนวนเงิน 1,309,059,000 บาท (หนึ่งพันสามร้อยเก้าล้านห้าหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) ส่งผลให้จนถึงปัจจุบันระหว่างปี 2551-2565 รวมแล้วทั้งสิ้น 12,365,785,000 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยหกสิบห้าล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ได้วางกรอบแนวทางการดำเนินงาน และการบริหารที่ดินของการรถไฟฯ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พื้นที่ Core Business เป็นพื้นที่ย่านสถานี ที่ทำการเขตทางรถไฟ และพื้นที่ Non-Core Business ที่สามารถนำไปทำประโยชน์ได้ เป็นพื้นที่ที่ไม่มีประเด็นข้อพิพาท และไม่มีปัญหาการบุกรุก เพื่อนำที่ดินออกจัดประโยชน์เป็นสิ่งปลูกสร้าง การเกษตรกรรม ที่อยู่อาศัย เป็นต้น โดยที่ดินทั้งสองส่วนนี้การรถไฟฯ ได้จัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ เป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อบริหารทรัพย์สินและสัญญา รวมถึงได้ตั้ง บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRT Asset) โดยเป็นบริษัทลูกที่ การรถไฟฯ ถือหุ้น 100% ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้การบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด