xs
xsm
sm
md
lg

“เบอร์เกอร์คิง” เปิดนวัตกรรม แฟลกชิปนิวดีไซน์ที่ 2 ของโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - เบอร์เกอร์คิงยิ้มรับการเติบโตปีนี้ 30% พร้อมเปิดตัวแฟลกชิปใหม่แห่งที่สองในโลกที่รัชดาภิเษก พร้อมนวัตกรรม เผยปีนี้เปิด 10 สาขาใหม่ ชี้ห่วงปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ

นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการของเบอร์เกอร์คิงในไทยปี 2565 นี้มีการเติบโตมากถึง 30% โดยเฉพาะในเดือนนี้มีการเติบโตกลับไปเทียบเท่ากับช่องก่อนเกิดโควิดแล้ว เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด ที่การระบาดเริ่มทรงตัว และการฟื้นตัวของสาขาในสถานที่ท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้น ประกอบกับการปรับตัวของเบอร์เกอร์คิงเองด้วย
 
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ของเบอร์เกอร์คิงจะนำเข้ามาจากต่างประเทศ รวมทั้งปัญหาเรื่องเงินเฟ้อก็ต้องระมัดระวังด้วย แต่คาดว่าปีหน้าสถานการณ์โดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้อีก โดยเฉพาะหากนักท่องเที่ยวจีนกลับเข้ามาเที่ยวในไทย


สัดส่วนรายได้ขณะนี้ แบ่งเป็น นั่งรับประทานในร้านหรือไดน์อิน 30%, ดีลิเวอรีหรือจัดส่ง 30%, เทกอะเวย์ 30% และ ไดรฟ์ทรู 10% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่องทางดีลิเวอรีมีการเติบโตอย่างมากในช่วงโควิดระบาด

นอกจากนั้น ปีนี้ยังมีการขยายสาขาใหม่ๆอย่างต่อเนื่องประมาณ 10 แห่ง รวมทั้งมีการรีโนเวตสาขาเดิมและเปิดใหม่อีกหลายแห่งด้วย เช่นที่จังซีลอนที่จะเปิดใหม่อีกในสัปดาห์นี้ โดยขณะนี้มีสาขารวมทั้งสิ้น 122 สาขา และสัปดาห์หน้าจะเปิดใหม่ที่หาดใหญ่ในโครงการมิกซ์ยูส เป็นสาขาที่ 123 แบ่งสัดส่วนเป็นร้านสแตนด์อโลน 60% และร้านในห้างค้าปลีก คอมมูนิตีมอลล์ สนามบิน 40%

ทั้งนี้ ในปีหน้าตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20% มีแผนที่จะขยายสาขาต่อเนื่องประมาณ 10 แห่ง แบ่งเป็น 2 โซน คือ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมองว่ายังมีโอกาสอีกมาก โดยเฉพาะสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี กับโซนต่างจังหวัด จะเน้นไปที่หัวเมืองใหญ่ และจังหวัดท่องเที่ยวเพื่อรองรับตลาดท่องเที่่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น โดยสัดส่วนสาขาใหม่ปีหน้าเน้นไปที่ไดรฟ์ทรู 60%


ล่าสุดได้เปิดตัว เบอร์เกอร์คิง แฟลกชิปสโตร์ สาขารัชดาภิเษก พื้นที่ 400 ตารางวา พื้นที่จอดรถถึง 20 คัน ขณะที่การตกแต่งภายในร้านเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ทั้งหมด สามารถรองรับผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 60 ที่นั่ง ซึ่งจะเป็นสาขาแรกในไทยที่รวบรวมความเป็นที่สุดทั้งด้านสินค้าและบริการ โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้ ซึ่งความพิเศษของเบอร์เกอร์คิง แฟลกชิปสโตร์ สาขารัชดาฯ เป็นสาขาที่สองของโลกที่มีนิวดีไซน์

โดยได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้สอดรับเทรนด์ยุคดิจิทัล ผ่านการรวม 3 นวัตกรรมไฮไลต์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยการนำเตาย่างเปลวไฟรุ่นใหม่ และเป็นสาขาแรกในเอเชีย ที่นำนวัตกรรมนี้มาใช้ และสำหรับผู้บริโภคที่นิยมสั่งอาหารผ่านช่องทางดีลิเวอรี ด้วยการติดตั้งตู้รับสินค้าอัจฉริยะ (Smart Locker) เป็นสาขาแรกนอกจีนที่มีบริการแบบนี้ ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการรับสินค้าผ่านระบบอัตโนมัติ เพิ่มความรวดเร็ว ป้องกันความแออัดภายในร้าน และลดความเสี่ยงต่อการสัมผัส ซึ่งนวัตกรรมนี้สามารถรองรับกลุ่มไรเดอร์บริการรับ-ส่งอาหาร ที่เข้ามาใช้บริการดีลิเวอรีได้เป็นอย่างดี และบริการดิจิทัลรีฟิลแมชชีนสาขาแรกในไทย


พร้อมกับเมนูเอ็กซ์คลูซีฟ King’s Selection ที่มีจำหน่ายเฉพาะสาขารัชดาฯ แห่งนี้ และสาขาที่สยามพารากอนเท่านั้น กับ 3 เมนูชุดพิเศษ ได้แก่ เบอร์เกอร์สะโพกไก่ทอดบาร์บีคิว เบคอน ชีส ราคาชุดละ 249 บาท, ดับเบิล โรดิโอ เบคอนชีส ราคาชุดละ 339 บาท และ ดับเบิล สเต๊กเฮาส์ คิง ราคาชุดละ 329 บาท

ทั้งนี้ ในปีหน้ามีแผนที่จะทยอยปรับโฉมร้านเดิมให้เป็นรูปแบบการดีไซน์ร้านแบบใหม่เหมือนที่รัชดาภิเษกแห่งนี้

นายธนวรรธกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังเดินหน้าธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ขานรับเทรนด์รักษ์โลก ผลักดันการใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องไปกับพันธกิจนโยบายของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งเป้าเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน จึงได้นำนวัตกรรมความยั่งยืนมาปรับใช้ภายในร้าน ได้แก่ การติดตั้งจุดบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ที่สามารถรองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกรุ่น และสามารถชาร์จได้รวดเร็วภายในเวลา 15 นาที พร้อมกันนี้ยังได้ติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า นอกจากช่วยประหยัดไฟฟ้าภายในร้านแล้ว ยังเป็นการใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด”














กำลังโหลดความคิดเห็น