ผู้จัดการรายวัน 360 – “ซิซซ์เล่อร์” ซุ่มศึกษา โมเดลทูโก ใหม่ พร้อมมุ่งหน้าโมเดลหลักนั่งทานในร้านหรือไดน์อิน เตรียมเปิดที่ภูเก็ตสิ้นปีนี้ ปีหน้าเปิดใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 3 แห่ง เผยยอดสมาชิกพุ่งโตถึง 40% ชู 3 เมนูใหม่รับช่วงเทศกาล
นายกรีฑากร ศิริอัฐ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และการเงิน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแบรนด์ ซิซซ์เล่อร์ ว่า บริษัทฯชะลอการขยายสาขาในรูปแบบ ซิซซ์เล่อร์ ทูโก ไว้ก่อน แม้ว่าที่ผ่านมาจะประสบความสำเร็จน่าพอใจ แต่สาเหตุที่ชะลอเพื่อที่จะศึกษาและหาจุดเหมาะสมของรูปแบบของ ซิซซ์เล่อร์ ทูโก (To Go)แบบใดจะมีความเหมาะสมมากที่สุดระหว่าง ที่เป็นแบบตู้คีออส กับ ที่เป็นแบบคาเฟ่มีที่นั่งเล็กน้อย ปัจจุบันมีประมาณ 4 สาขา
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจึงยังคงเน้นโมเดลที่เป็นธุรกิจหลัก คือ นั่งทานในร้าน (Dine in)โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่โควิดเริ่มซาลง ผู้บริโภคออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้นเกือบเป็นปรกติแล้ว โดยจะมีการขยายสาขาต่อเนื่อง ปัจจุบันได้เปิดตัวสาขาภายใต้คอนเซปต์ใหม่ไปทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ เทอร์มินอล 21 อโศก เทอร์มินอล 21 พระราม 3 โรบินสัน ราชพฤกษ์ โรบินสันถลาง เซ็นทรัลจันทบุรี เป็นต้น รวมถึงมีแผนที่จะเปิดที่จังหวัดภูเก็ตภายในสิ้นปีนี้
นายกรีฑากร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน 11 เดือนที่ผ่านมาในปี 2565 ของซิซซ์เล่อร์ ภาพรวมมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เป็นไปกลยุทธ์และเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ จากการเดินหน้าปรับโฉมสาขาเดิมที่มีอยู่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น และขยายสาขาใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “Healthy Food Happy Mood” ที่มุ่งเน้นร้านพื้นที่ขนาดกลาง มาพร้อมดีไซน์ใหม่ทั้งในส่วนของรูปแบบร้าน และเมนูอาหารรวมถึงสลัดบาร์พรีเมียม เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงในแต่ละพื้นที่ให้มากขึ้น
ปัจจุบันได้เปิดตัวสาขาภายใต้คอนเซปต์ดังกล่าวไปทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ เทอร์มินอล 21 อโศก เทอร์มินอล 21 พระราม 3 และโรบินสัน ราชพฤกษ์ ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2565 ซิซซ์เล่อร์ จะมีสาขาทั่วประเทศทั้งหมดอยู่ที่ 61 สาขา เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด เนื่องจากสัดส่วนการนั่งรับประทานที่ร้านถือเป็นหัวใจหลักของซิซซ์เล่อร์ ในขณะที่ ดีลิเวอรี รวมถึงบริการสั่งกลับบ้านมีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนปีหน้ามีแผนจะเปิดใหม่ 2-3 สาขา
ส่วนสมาชิกปีนี้มีรวมประมาณ 200,000 กว่ารายแล้ว โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเติบโต 40% โดยเฉพาะช่วงเดือนเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพียงเดือนเดียวที่เริ่มมีการปรับราคาให้สิทธิพิเศษราคาสลัดบาร์ 159 บาท ส่งผลให้มีสมาชิกใหม่เพ่ิมกว่า 50,000 ราย โดยปัจจุบันมีสมาชิก 3 กลุ่มคือ 1.ประเภท กรีนเมมเบอร์ สมัครฟรี 2. โกลด์เมมเบอร์ ต้องทานอาหาร 399 บาทจึงจะสมัครได้ มีรวมมากกว่า 200,000 ราย และ 3.ประเภทไดมอนด์ ซึ่งจะต้องมีการสะสมแต้มจากโกลด์เมมเบอร์ถึงจำนวนที่ตั้งไว้จึงจะเป็นได้ มีประมาณ 2,000 ราย ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มก็จะมีสิทธิพิเศษที่แตกต่างกันไป ซึ่งปี2565นี้คาดว่ามียอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ปีหน้าคาดว่าจะโต 2 หลัก
นอกจากนี้ยังมีการรังสรรค์เมนูใหม่ ๆตลอดทั้งปี ทั้งอาหารจานหลัก ซึ่งทุกเมนูปราศจากผงชูรส และสลัดบาร์จากวัตถุดิบระดับพรีเมียม เช่น ช่วงปลายปีที่เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองก็มีเมนูเฟสทีฟออกมาที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ เช่น ซิซซ์เล่อร์ ชีสโทสต์ (Sizzler Cheese Toast) หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีให้ลูกค้าสามารถสั่งกลับไปทำที่บ้านได้เอง ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ตลอดจนการพัฒนาระบบ “Loyalty Program E-Member” ระบบสะสมแต้มออนไลน์ ผ่าน Line Official Account @SizzlerThai สำหรับสมาชิกทุกระดับที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย
ส่วนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ซิซซ์เล่อร์ ยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบอาหารที่มีคุณภาพประกอบการมีสุขภาพที่ดีผ่านแนวคิด “Healthy Food Happy Mood” อย่างต่อเนื่อง ทั้งการทยอยปรับโฉมสาขาเดิม และขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4-5 สาขา ไปพร้อมการนำเสนอเมนูใหม่ ๆ ตามช่วงเทศกาลต่าง ๆ ตลอดจนการมอบสิทธิพิเศษผ่านระบบ E-Member เพื่อสร้างสีสัน และกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจำนวน E-Member ปี 2566 คาดเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว
นายกรีฑากร กล่าวว่า ในปีหน้ายังคงเป็นห่วงเรืื่องพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคมากกว่ากำลังซื้อ เนื่องจาก หลังจากโควิดส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เราจึงต้องพยายามตามให้ทัน และทำตามที่ผู้บริโภคต้องการให้ได้
นายอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงปลายปี ถือเป็นอีกช่วงเวลาไฮซีซั่นที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีแนวโน้มจับจ่ายเพิ่มสูงขึ้น เนื่องด้วยเป็นช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองจึวงออกใหม่ 3 เมนูคือ สเต๊กหมูโทมาฮอว์ค ราคา 759 บาท, สเต๊กเนื้อไพร์มริบ* ราคา 2,899 บาท เสิร์ฟพร้อมสลัดบาร์ไม่อั้น สำหรับ 2 ท่าน, สเต๊กเนื้อบีฟลอยน์และกุ้งลายเสือ ราคา 849 บาท
“สำหรับเมนูเฟสทีฟในปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์นำเนื้อไพร์มริบ เนื้อวัวนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย มารังสรรค์เป็นเมนูสุดสเปเชียลที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตเฉพาะตัวให้คนที่มีความชื่นชอบได้รับประทาน เป็นการยกระดับการเสิร์ฟเมนูสเต๊กที่เป็นจุดเด่นของซิซซ์เล่อร์ให้มีความพรีเมียมยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีเมนูสเต๊กอีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น หมู ไก่ ปลา หรือซีฟู้ด ให้ลูกค้าสามารถเลือกทานตามความต้องการด้วยเช่นกัน เป็นการสะท้อนภาพร้านอาหารสุขภาพชั้นนำของซิซซ์เล่อร์ที่ครองใจผู้บริโภคยาวนานกว่า 30 ปี และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการบริการในทุกด้านให้ดียิ่งขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยในทุกโอกาสให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด” นายอนิรุทร์ กล่าว