เฮลีออน ประเทศไทย (Haleon) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพระดับโลก ประกาศเปิดตัวแคมเปญ “เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” (Smiles Can’t Wait) ในประเทศไทย เพื่อตอกย้ำพันธกิจในการส่งมอบสุขภาพที่ดีขึ้นในทุกๆ วันสำหรับทุกคน และสานต่อแนวคิด #EveryMouthMatters สำหรับผู้คนทั่วโลก
โครงการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือผู้สูญเสียฟันที่ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายจากการทำฟันเทียมให้มีโอกาสเข้าถึงได้มากขึ้น ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาด้วยการลดผลกระทบทางด้านอารมณ์จากการสูญเสียฟัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาอันเป็นผลสืบเนื่องจากการสูญเสียฟันได้
เฮลีออนเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรมีโอกาสในการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงให้นานที่สุดไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม หากแต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับโอกาสนั้น ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ทางสังคมในยุคปัจจุบันที่มีส่วนทำให้การเข้าถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในแต่ละวันของผู้คนนับล้านยังคงถูกจำกัดไปด้วย เฮลีออนจึงมุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการยกระดับการดูแลสุขภาพในทุกๆ วันของผู้คนให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
จากผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับดัชนีวัดค่าความครอบคลุมด้านสุขภาพ (Health Inclusivity Index) ซึ่งจัดทำขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยเป็นการศึกษาร่วมกับหน่วยงานด้านการวิจัยชั้นนำอย่าง Economist Impact เพื่อระบุตัวแปรที่เป็นอุปสรรคต่อการมีสุขภาพที่ดีในชีวิตประจําวันของผู้คน ดัชนีดังกล่าวได้จัดอันดับให้ประเทศไทยติดอยู่ในสิบอันดับแรกในฐานะผู้นําที่ได้รับการยอมรับในด้านการให้ความสําคัญต่อสุขภาพองค์รวมของประชาชน รวมถึงสุขภาพของช่องปากและฟัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของวาระแห่งชาติ
โดยประเทศไทยมีโครงการในระดับชาติหลายโครงการที่มุ่งส่งเสริมสุขภาพช่องปากในผู้สูงอายุชาวไทย และการดูแลด้านทันตกรรมที่รวมอยู่ในความคุ้มครองของระบบประกันสังคม อย่างไรก็ตาม ด้วยความต้องการในการใช้ฟันเทียมที่มีเพิ่มขึ้นอย่างสูงในปัจจุบัน ทำให้โครงการเหล่านี้ไม่สามารถตอบรับความต้องการได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้ประชากรบางส่วนยังไม่สามารถเข้าถึงฟันเทียมได้
นายฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ ผู้จัดการทั่วไป เฮลีออน ประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม แต่น่าเสียดายที่ชีวิตและรอยยิ้มของคนไทยจำนวนมหาศาลต้องได้รับผลกระทบจากภาวะการสูญเสียฟัน โดยเฉพาะประชากรกลุ่มที่เปราะบางที่สุด เช่น กลุ่มผู้สูงอายุก็มักขาดโอกาสในการเข้าถึงฟันเทียม โครงการ ‘เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน’ หรือ Smiles Can’t Wait จึงถือกำเนิดขึ้น โดยพวกเราทุกคนที่เฮลีออนมุ่งมั่นที่จะสร้างการรับรู้และให้ความช่วยเหลือเพื่อช่วยให้คนไทยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์สามารถเข้าถึงฟันเทียมได้ง่ายขึ้น เพราะเราเชื่อว่ารอยยิ้มและความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนควรมี โดยไม่จำเป็นต้องรอ
จากข้อมูลล่าสุดโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่ามีชาวไทยมากถึงร้อยละ 58 ในวัยผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 60-74 ปี ที่กำลังประสบกับปัญหาการสูญเสียฟัน ส่งผลให้เหลือฟันตามธรรมชาติน้อยกว่า 20 ซี่ โดยสถิติดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในแต่ละทศวรรษ
รศ.ทพ.ดร.นิยม ธำรงค์อนันต์สกุล ภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ในแต่ละปีผู้สูงอายุระหว่าง 60-74 ปี และ 80-85 ปี ในประเทศไทยเข้าถึงชุดฟันเทียมเพียงร้อยละ 28 เท่านั้น โดยหนึ่งในข้อจำกัดหลักคือค่าใช้จ่ายในการทำฟันเทียม
ทพ.วิศรุตม์ ประวัติวัชรา ภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การสูญเสียฟันอาจเกิดขึ้นได้เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การสูญเสียฟันในผู้สูงอายุอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อคุณภาพชีวิตในด้านสุขภาพ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
“ในขณะที่การสูญเสียฟันอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่ใส่ฟันเทียม โดยอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพของร่างกาย เช่น อาการฟันล้ม ปัญหาการเคี้ยวอาหาร ปัญหาการพูดไม่ชัด ภาวะทุพโภชนาการ ไปจนถึงปัญหาที่เป็นผลกระทบต่อสุขภาพทางจิตใจ เช่น สูญเสียความพึงพอใจในตนเอง เบื่ออาหาร หรือแม้แต่ส่งผลให้มีกิจกรรมทางสังคมที่ลดลง” ทพ.วิศรุตม์กล่าวเสริม
นางดวงใจ หทัยกาญจน์ นักแสดงและผู้มีประสบการณ์การสูญเสียฟัน และใช้ฟันเทียม แสดงความคิดเห็นสนับสนุนว่าการสูญเสียฟันสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันว่า "เมื่อเราอายุมากขึ้นก็จะมีปัญหาด้านสุขภาพมากมายเข้ามารุมเร้า รวมถึงการสูญเสียฟัน เมื่อดิฉันเริ่มสูญเสียฟัน ดิฉันก็รู้สึกสูญเสียความมั่นใจ ในฐานะนักแสดง ดิฉันกังวลว่าเวลายิ้ม ผู้คนจะสังเกตเห็นว่าไม่มีฟัน ทำให้ดิฉันเกิดความไม่มั่นใจในการที่จะเข้ามาออดิชันงานและนำไปสู่อาการเครียดกับการตกงาน ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์อย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมากกว่าแค่ฟันที่หายไป เพราะถ้าหากไม่มีฟันเทียม โครงสร้างใบหน้าก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ส่งผลให้รูปลักษณ์เปลี่ยนไป ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพร่างกายที่มากขึ้น ดังนั้นดิฉันหวังว่าผู้สูงอายุทุกคนจะสามารถเข้าถึงฟันเทียมได้ เพื่อให้พวกเขามีอายุที่มากขึ้นอย่างมีสุขภาพดีและสวยงาม
ภายใต้ความร่วมมือกับโรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, กองทันตกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, โรงพยาบาลคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสมาคมร้านขายยาแห่งประเทศไทย เฮลีออน ประเทศไทย จึงได้เข้ามาให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าหมายในการมอบอย่างน้อย 1,000 ฟันเทียมให้ผู้สูงวัยในประเทศไทยที่มีปัญหาการสูญเสียฟันและต้องการฟันเทียมให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขและรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้งเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนไทยให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน
“พวกเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะยิ้ม ไม่ว่าเราจะเป็นใคร มาจากไหน หรืออายุเท่าไหร่ก็ตาม เฮลีออนและพันธมิตรของเราพร้อมแล้วที่จะช่วยเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค และมอบรอยยิ้ม โดยปัญหาดังกล่าวนี้สมควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังด้วยการช่วยเหลือให้คนไทยสามารถเข้าถึงฟันเทียมได้มากขึ้น เพราะการสูญเสียฟันไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องพลาดการได้ใช้ชีวิตที่ดี” นายฌอง-ฟรองซัวส์ กล่าวสรุป