สถานการณ์โควิดได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ผู้คนและภาคธุรกิจมากมาย หลายธุรกิจซบเซา แต่ตรงกันข้ามกับตลาดสินค้าแบรนด์เนมลักชัวรีที่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วด้วยสถิติยอดขายในประเทศที่เติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ ซึ่งมีปัจจัยมาจากข้อจำกัดในการเดินทางไปชอปนอกประเทศ สู่การปรับตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักชอป ซึ่งพฤติกรรมนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่จะเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในระยะยาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่แบรนด์หรูจะต้องทำความเข้าใจและปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค
ล่าสุด LINE ประเทศไทย เผยผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดในหัวข้อ “THE EVOLUTION OF THAI LUXURY INDUSTRY” นำเสนอข้อมูลเชิงลึกในการบริโภคสินค้าแบรนด์หรูของนักชอปในประเทศไทย พร้อมเทรนด์การตลาดสำหรับสินค้าแบรนด์หรู เพื่อนักการตลาดใช้วางแผนกลยุทธ์ให้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพต่อไป โดยสรุปเป็น 3 ประเด็นหลักน่าสนใจ ดังนี้
*** เปิด 3 คาแรกเตอร์นักชอปแบรนด์หรูที่ควรรู้จัก
ปัจจุบันต้องยอมรับว่าการเข้าถึงสินค้าแบรนด์หรูต่างๆ ในประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีนักชอปสินค้าแบรนด์หรูที่มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่แตกต่างกันออกไปตามช่วงอายุและพฤติกรรม โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1. The Aspirers กลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นักศึกษาและวัยเพิ่งเริ่มต้นทำงาน ซึ่งมีสูงถึง 90% โดยคนกลุ่มนี้มีขั้นตอนการตัดสินใจเลือกซื้อที่ค่อนข้างเยอะ และไม่คาดหวังบริการสุดพิเศษ เพียงแต่ต้องการมองหาสินค้าที่ตนเองสนใจและต้องการเท่านั้น
2. The Luxurists กลุ่มผู้บริโภคอายุ 30-40 ปี มีจำนวน 8% ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นพนักงานออฟฟิศ โดยคนกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่ง่ายกว่ากลุ่ม The Aspirers และมีความคาดหวังด้านการบริการในระดับปานกลาง
3. The SWIP หรือ Super VVIP กลุ่มคนอายุ 30-50 ปี มีจำนวน 2% ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ คนกลุ่มนี้นิยมซื้อสินค้าแบรนด์หรูบ่อยและคาดหวังการบริการที่ดีที่สุด อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญด้านการดูแล ทะนุถนอมสินค้า และระมัดระวังการใช้งานมาก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักชอปที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก คือนักชอปรุ่นใหม่ที่จะเติบโตสู่การเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ในอนาคต โดยหัวใจสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของนักชอปรุ่นใหม่ คือ ความแปลกใหม่ ความสนุก และดีลดีๆ จากแบรนด์
*** ปัจจัยหลักในการใช้จ่ายสินค้าแบรนด์หรูของนักชอปไทยบนโลกออนไลน์
ราคา คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผ่านออนไลน์ของนักชอปแบรนด์หรูในประเทศไทย จากผลสำรวจ พบว่านักชอปแบรนด์หรูยินยอมที่จะใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 25,900 บาทในการซื้อสินค้าแบรนด์หรูผ่านช่องทางออนไลน์ หากแบ่งเป็นสัดส่วน พบว่า 21% ของผู้บริโภคออนไลน์เต็มใจซื้อหากราคาต่ำกว่า 10,000 บาท, 10% เต็มใจซื้อหากราคาอยู่ระหว่าง 40,001-50,000 บาท และ 4% เต็มใจซื้อหากราคามากกว่า 100,000 บาท โดย5 อันดับสินค้าแบรนด์หรูในดวงใจของนักชอป ได้แก่ กระเป๋าถือ นาฬิกา กระเป๋าสตางค์ รองเท้า และเสื้อผ้า
*** เผย 10 เมกะเทรนด์น่าสนใจ แบรนด์หรูในไทยไม่ควรมองข้าม
1. การจับจ่ายใช้สอยในประเทศ คนไทยที่ชื่นชอบการซื้อสินค้าแบรนด์หรู เดิมทีจะนิยมซื้อจากต่างประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาซื้อจากในประเทศมากขึ้น
2. การเติบโตของดิจิทัลคอมเมิร์ช โดยวันเดอร์แมน ธอมสัน ได้เผยถึงผลสำรวจนักชอปในปี 2021 ระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทยใช้จ่ายบนโลกออนไลน์สูงถึง 94% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยผู้บริโภคทั่วโลกใช้จ่ายอยู่ที่ 72% รวมไปถึง 90% ของผู้บริโภคคนไทยมีความมั่นใจว่าจะใช้ช่องทางการซื้อขายจากดิจิทัลคอมเมิร์ซมากขึ้นในอนาคต ขณะที่ตัวเลขของทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 62%
3. สนใจสินค้ามากกว่าประสบการณ์ ผู้บริโภคเริ่มหันมาโฟกัสที่ตัวสินค้ามากกว่าการมองหาประสบการณ์ในการชอป ส่งผลให้สินค้ากลุ่มกระเป๋าถือ รองเท้า และจิวเวลรี ยังสามารถทำยอดขายได้ดีแม้ในช่วงวิกฤตโควิด
4. เทรนด์การซื้อเพื่อให้รางวัลตนเอง โดยเฉพาะกับสินค้าแบรนด์หรู ที่ถือเป็นของรางวัลหรือของขวัญล้ำค่าให้แก&ตนเอง ซึ่งเทรนด์นี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
5. การเติบโตของตลาดสินค้าแบรนด์หรูมือสอง โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดสินค้าแบรนด์หรูมือสองจะเติบโตขึ้นถึง 65% ในช่วงปี 2017-2021 ในขณะที่สินค้าแบรนด์หรูมือหนึ่งเติบโตเพียง 12%
6. เทรนด์ความยั่งยืน การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญและสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ควรใส่ใจและแสดงออกในด้านดังกล่าวต่อสังคมและโลก
7. ความรวดเร็วในการตอบสนองคือกุญแจความสำเร็จ การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า หลายแบรนด์หรูใช้ช่องทาง LINE OA เพื่อตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยในปี 2021 มีจำนวน LINE OA ของแบรนด์หรูเติบโตถึง 117% เมื่อเทียบกับปี 2020
8. หน้าร้านไม่มีวันตาย ตราบใดที่ไม่น่าเบื่อ ความนิยมอยากมาดูสินค้าที่ชอปจะกลับมา โดยลูกค้าจะยังคงคาดหวังประสบการณ์สุดพิเศษเช่นเคย โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์คลี่คลายเป็นปกติในปัจจุบัน
9. การบอกปากต่อปาก โดยเฉพาะเรื่องเล่าประสบการณ์สุดพิเศษที่ได้รับจากแบรนด์หรู นักชอปส่วนใหญ่มักแชร์เรื่องราวประสบการณ์ที่ดีแก่เพื่อนและคนรู้จักผ่านช่องทางต่างๆ โดย LINE OpenChat เป็นหนึ่งช่องทางที่ผู้คนหลากหลายมักคุยในเรื่องเดียวกัน โดยปัจจุบันมีจำนวนห้องที่พูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์หรูบน LINE OpenChat ถึงเกือบ 500 ห้อง
10. สร้างสาขาบนโลกออนไลน์อย่างมีสไตล์ ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อแค่ประสบการณ์ในชอปอีกต่อไป แต่รวมถึงประสบการณ์โดยรวมของแบรนด์ที่พิเศษ มีสไตล์ไม่เหมือนใคร ทั้งในโลกออนไลน์ และออฟไลน์
ทั้งหมดนี้ คือบทสรุปโดยย่อสำหรับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนักชอปแบรนด์หรูตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงการทำการตลาดของฝั่งแบรนด์หรูในประเทศไทยที่สอดคล้องกัน ทำให้สินค้าแบรนด์หรูสามารถฝ่าวงล้อมวิกฤตทั้งโรคระบาด สถานการณ์เศรษฐกิจ และสร้างสถิติการเติบโตจากยอดขายในประเทศได้อย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายลง การซื้อขายจะกลับมาคึกคักมากขึ้น แต่พฤติกรรมของนักชอปที่เปลี่ยนแปลงไป ยังคงมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อการตัดสินใจซื้อ การเลือกใช้ช่องทางออนไลน์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่น จะช่วยให้แบรนด์สามารถดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายได้เติบโต