xs
xsm
sm
md
lg

EGCO เตรียมปิดดีลใหญ่ M&A ดันเป้าทั้งปีมีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ 1 พัน MW

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอ็กโก กรุ๊ปลั่นเตรียมปิดดีลใหญ่ M&A โครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ หนุนบรรลุเป้าหมายปีนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นแตะ 1,000 เมกะวัตต์ หลังจาก 9 เดือนแรกปิดดีลโรงไฟฟ้าได้เพียง 200 เมกะวัตต์ ลั่นจ่อชิงโควตาโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5.2 พันเมกะวัตต์ โดยสนใจยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับแบตเตอรี่

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยในงาน “EGCO Group Forum 2022: Carbon Neutral Pathway ปฏิบัติการสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ว่า บริษัทเตรียมปิดดีลการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (Conventional Energy) และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ทำให้มั่นใจว่าสิ้นปี 2565 บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทได้ปิดดีล M&A โครงการโรงไฟฟ้าใหม่แล้ว  200 เมกะวัตต์ คิดเป็นการใช้เงินลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท 

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2566 บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 1,000 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท ใช้ลงทุนในโครงการต่อเนื่องที่ได้รับอนุมัติการลงทุนแล้วและการทำ M&A โรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทจะเน้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้สอดรับเป้าหมายบริษัทที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้อยู่ที่ 30% ในปี 2573 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 1,424 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 6,079 เมกะวัตต์

นายเทพรัตน์กล่างว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมเสนอขายไฟโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าประเภทไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 กำลังการผลิตรวม 5,203 เมกะวัตต์ ซึ่งทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อยู่ระหว่างเปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นนั้น โดยบริษัทจะเข้าร่วมในโครงการผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการการผลิตไฟฟ้าแบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System: BESS) จำนวน 1,500 เมกะวัตต์

ส่วนต่างประเทศจะเน้นการลงทุนในประเทศที่บริษัทมีฐานการผลิตไฟฟ้าอยู่แล้วใน 8 ประเทศ เนื่องจากมีพันธมิตรทางธุรกิจและความคุ้นเคยอยู่ โดยเน้นทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน


สำหรับโรดแมปเพื่อไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050 บริษัทเร่งศึกษาแนวทางการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ รวมทั้งการใช้เชื้อเพลิงในอนาคตอย่างไฮโดรเจนมาผสมกับก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าลินเดน ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซฯสะอาดขึ้น

ขณะที่ในประเทศไทย โรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ก็ได้ศึกษาโครงการต้นแบบการใช้แอมโมเนียราว 20% เข้ามาผสมถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลง รวมทั้งศึกษาเรื่องของเทคโนโลยีกระบวนการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS), แบตเตอรี่ และไฮโดรเจน รวมถึงการลงทุนเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) และการผลิตไฟฟ้าจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กที่สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าในระบบที่ต่ำกว่า 300 เมกะวัตต์ เป็นต้น

ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Cleaner Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth โดยบริษัทตั้งเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 แต่ในระยะสั้นการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลยังจำเป็นต่อความมั่นคงทางพลังงาน ส่วนในระยะกลาง บริษัทตั้งเป้าหมายจะลดการปล่อยคาร์บอนลง 10% ในปี ค.ศ. 2030 พร้อมเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้อยู่ที่ 30% โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าไปลงทุนในบริษัทเอเพ็กซ์ คลีนเอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้งส์ สหรัฐอเมริกา ที่มีพอร์ตผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลมกว่า 40,000 เมกะวัตต์


กำลังโหลดความคิดเห็น