จับตาราคาน้ำมันตลาดโลกยังผันผวนสูง แถมบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่า หวั่นดันไทยควักจ่ายนำเข้าน้ำมันดิบปี 2565 ทะลุ 1.2 ล้านล้านบาทหลัง 8 เดือนแรกควักจ่ายแล้ว 8.79 แสนล้านบาท ไทยจำเป็นต้องเน้นลดการนำเข้าหา
แหล่งพลังงานที่พึ่งพาตนเองให้มากขึ้นรับภูมิรัฐศาสตร์โลกหลายขั้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกใกล้ชิดเนื่องจากประเทศแถบตะวันตกกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งปกติจะเป็นช่วงขาขึ้นเพราะมีความต้องการเพิ่ม แต่เนื่องจากมีปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยอาจทำให้ราคาน้ำมันมีความผันผวนสูง อย่างไรก็ตาม ภาวะค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลต่อการนำเข้าน้ำมันดิบที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยพบว่า 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค. 65) ไทยมีการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 958,752 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการนำเข้า 879,130 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 99.2% ดังนั้นปี 2565 มีโอกาสสูงที่ไทยจะควักจ่ายการนำเข้าเฉพาะน้ำมันดิบกว่า 1,200,000 ล้านบาท
“เฉพาะเดือน ส.ค. 65 ไทยมีการนำเข้าน้ำมันดิบ 119,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 75.8% รวม 8 เดือนแรกปีนี้ไทยต้องจ่าย 879,130 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่านำเข้าที่เพิ่มขึ้นถึง 437,748 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักๆ มาจากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงขึ้นจากการสู้รบรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าของไทยหากราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวเช่นปัจจุบันและค่าเงินบาทไทยยังอ่อนค่าระดับ 37-38 บาท/เหรียญสหรัฐ โอกาสปีนี้เราต้องจ่ายนำเข้าน้ำมันดิบจะไม่น้อยไปกว่า 1,200,000 ล้านบาท” แหล่งข่าวกล่าว
การนำเข้าน้ำมันดิบดังกล่าวยังไม่ได้รวมกับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่สูงขึ้นเฉพาะ ส.ค. 65 ไทยนำเข้าคิดเป็นมูลค่า 46,377 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 649.7% ดังนั้นจึงยอมรับว่าการขาดดุลทางการค้าของไทยที่ผ่านมาสาเหตุหนึ่งจึงมาจากการนำเข้าพลังงานที่สูง ระยะยาวไทยจึงมีความจำเป็นจะต้องหาแนวทางลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานเพื่อลดผลกระทบและมุ่งเน้นพลังงานที่พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น และกระจายการนำเข้าพลังงานจากแหล่งอื่นๆ ที่มีราคาต่ำ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปี 2565 คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 95-105 เหรียญ/บาร์เรล น้ำมันดีเซลเฉลี่ย 130-140 เหรียญ/บาร์เรล นอกจากนี้เงินบาทอ่อนค่าจะยิ่งมีผลต่อราคาน้ำมันให้เพิ่มขึ้น โดย ทุก 1 บาทที่อ่อนค่ามีผลราว 70-80 สตางค์/ลิตร โดยขณะนี้เงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่เฉลี่ย 38 บาท/เหรียญสหรัฐ สูงกว่าระยะเดียวกันของปีที่แล้วราว 4 บาท/เหรียญ โดยปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 33.97 บาท/เหรียญ ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิติดลบ 126,690 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 84,126 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 42,564 ล้านบาท
