กรมทางหลวงระดมเครื่องจักรกลหนัก วัสดุอุปกรณ์ ช่วยซ่อมอุดรอยแตกพนังกั้นน้ำลำชี จ.กาฬสินธุ์ คาดเสร็จใน 7 วัน พร้อมลุยวางกระสอบทรายกั้นน้ำริมไหล่ทาง ล่าสุดทางหลวงใน 12 จังหวัดถูกน้ำท่วม-ดินสไลด์ รวม 36 แห่ง ระดับน้ำสูงรถผ่านไม่ได้ 24 แห่ง
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า วันนี้ (18 ต.ค. 65) กรมทางหลวง โดยแขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ ได้ลงพื้นที่พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์พนังกั้นน้ำลำชีแตก จ.กาฬสินธุ์ อย่างใกล้ชิด พร้อมสนับสนุนส่งเครื่องจักรกลหนัก วัสดุ อุปกรณ์ซ่อมแซมอุดรอยแตกเบื้องต้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 7 วัน นอกจากนี้ กรมทางหลวงได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงทั่วประเทศ ดำเนินการภารกิจกู้เส้นทาง โดยได้จัดเจ้าหน้าที่กรอกกระสอบทราย วางกระสอบทรายกั้นน้ำบริเวณริมไหล่ทางด้านนอกและสูบน้ำที่ท่วมผิวทาง ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาสภาพทางหลวงให้ประชาชนเดินทางได้อย่างปลอดภัยบริเวณดังกล่าว ป้องกันเส้นทางไม่ให้เกิดทางขาด สะพานขาดอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการติดตั้งหลักเตือนแนวทาง เพื่อความสะดวก ปลอดภัยและเพิ่มทัศนวิสัยแก่ผู้ใช้ทาง เส้นทางที่น้ำลดแล้วได้มีการทำความสะอาดผิวทางและสองข้างทางให้เรียบร้อยและสำรวจความเสียหายของ ถนน สะพาน และระบบระบายน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการสัญจรโดยเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง ตามข้อสั่งการของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีความห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยในครั้งนี้ พร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยและดินสไลด์บนทางหลวง ประจำวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เวลา 15.00 น. ยังมีทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ ในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น, จ.ศรีสะเกษ, จ.นครราชสีมา ,จ.หนองบัวลำภู , จ.อุบลราชธานี, จ.มหาสารคาม, จ.ยโสธร, จ.นครปฐม, จ.อ่างทอง, จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.สิงห์บุรี และ จ.นครสวรรค์ จำนวน 28 สายทาง 36 แห่ง การจราจรผ่านไม่ได้ 24 แห่ง ดังนี้
1. จังหวัดขอนแก่น จำนวน 3 แห่ง ได้แก่
- ทางหลวงหมายเลข 2065 ตอน พล – ลำชี ในพื้นที่ อ.พล ช่วง กม.ที่ 33+150 – 34+000 ทางขาด ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2131 ตอน บ้านสะอาด – เหล่านางาม ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 6+700 – 8+200 ระดับน้ำ 30 - 40 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2183 ตอน น้ำพอง – โคกท่า ในพื้นที่ อ.น้ำพอง ช่วง กม.ที่ 14+200 – 15+100 ระดับน้ำ 50 – 55 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงแยกโคกท่า กม.25+600
2. จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 8 แห่ง ได้แก่
- ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ศรีสะเกษ – ห้วยขะยุง ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่ 311+000 – 313+384 ระดับน้ำ 60 – 70 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.2178
- ทางหลวงหมายเลข 2083 ตอน หัวช้าง – สะเดา ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วงกม.ที่ 16+000 – 19+500 ระดับน้ำ 45 – 80 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน – เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วงกม.ที่ 27+500 – 29+000 ระดับน้ำ 65 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน - เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วง กม.ที่ 30+000 – 31+500 ระดับน้ำ 50 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
-ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน บ้านด่าน - เมืองน้อย ในพื้นที่ อ.ราษีไศล ช่วง กม.ที่ 37+000 - 39+500 ระดับน้ำ 50 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้
- ทางหลวงหมายเลข 2086 ตอน เมืองน้อย – กันทรารมย์ ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่103+500 – 107+125 ระดับน้ำ 80 - 95 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2373 ตอน โนนสำนัก – ดอนไม้งาม ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 12+000 – 16+050 ระดับน้ำ 45 - 75 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
- ทางหลวงหมายเลข 2412 ตอน ท่าศาลา – ละทาย ในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ ช่วง กม.ที่ 12+000 – 16+500 เป็นช่วงๆ ระดับน้ำ 60 - 70 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
3. จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 2285 ตอน ประทาย-ชุมพวง ในพื้นที่ อ.ชุมพวง ช่วง กม.ที่ 18+700 - 20+300 ระดับน้ำ 5-10 ซม. น้ำกัดเซาะพื้นผิวเป็นหลุมบ่อ ปิดการจราจรชั่วคราว ใช้ทางเลี่ยง ทล.2 ถึงแยกบ้านวัดเลี้ยวขวาเข้า ทล.207 ตัดเข้า ทล.202 เพื่อเข้าจังหวัดมหาสารคาม หรือ ใช้ ทล.2226 เพื่อเข้าจังหวัดบุรีรัมย์
4. จังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 2146 ตอน หนองบัวลำภู-เขื่อนอุบลรัตน์ ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 39+500 - 42+000 ระดับน้ำ 30-60 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยง ทช.4013
5. จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 6 แห่ง
-ทางหลวงหมายเลข 23 ตอน เขื่องใน - อุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชธานี ช่วง กม.ที่ 260+700 - 261+800 ระดับน้ำ 50 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2383
- ทางหลวงหมายเลข 24 ตอน วารินชำราบ-อุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 418+400 - 419+600 ระดับน้ำ 110 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.217 ทางแยกต่างระดับบัวเทิง เลี้ยวซ้ายไปสะพานข้ามแม่น้ำมูล เข้าสู่ตัวเมืองอุบลราชธานี
- ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ห้วยขะยุง - วารินชำราบ ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 313+400 - 313+700 ระดับน้ำ 45 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2178
- ทางหลวงหมายเลข 226 ตอน ห้วยขะยุง - วารินชำราบ ในพื้นที่ อ.วารินชำราบ ช่วง กม.ที่ 319+600 - 319+800 ระดับน้ำ 80 ซม. ใช้ทางเลี่ยง ทล.2178
- ทางหลวงหมายเลข 231 ถนนวงแหวนรอบเมืองอุบลราชธานี ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 3+600 - 8+200 ระดับน้ำ 80 - 120 ซม. ใช้ทางเลี่ยงถนนวงแหวนด้านทิศตะวันออก ทล.231
- ทางหลวงหมายเลข 2404 ตอน เขื่องใน-นาคำใหญ่ ในพื้นที่ อ.เขื่องใน ช่วง กม.ที่ 9+920 - 14+480 เป็นช่วงๆ ระดับน้ำ 50 - 60 ซม. ให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ทล.2382
6.จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 2391 ตอน กู่ทอง-บ้านเขื่อน พื้นที่ อ.โกสุมพิสัย ช่วง กม.ที่ 17+300 - กม.18+000 ระดับน้ำ 20 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยง ทล.12 ช่วง กม.567+900
7. จังหวัดอ่างทอง จำนวน 2 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 3501 ตอน อ่างทอง-บางหลวงโดด ในพื้นที่ อ.ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 9+900 - 11+000 ระดับน้ำนอกคันกั้นดิน 80 ซม. น้ำท่วมผิวจราจร 15 - 20 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้
8.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 1 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 3412 ตอน อยุธยา-บางบาล ช่วง กม.ที่ 9+793 - 15+950 ระดับน้ำ 35 - 45 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยง เลี้ยวซ้ายเข้าวัดบ้านขวางออกทางหลวงชนบท 4038
9. จังหวัดสิงห์บุรี จำนวน 3 แห่ง
- ทางหลวงหมายเลข 311 ตอน แยกวัดสนามไชย-วัดกระดังงา ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 32+022 - 35+100 ระดับน้ำ 90 ซม. (ทางโค้งด้านใน) การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงทางหลวงชนบท สห.3030
- ทางหลวงหมายเลข 311 ตอน วัดกระดังงา-บ้านม้า ในพื้นที่ อ.อินทร์บุรี ช่วง กม.ที่ 39+900 - 44+100 ระดับน้ำ 80 ซม. การจราจรไม่สามารถผ่านได้ ให้ใช้ทางเลี่ยงทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย)
- ทางหลวงหมายเลข 3030 ตอน ดงมะขามเทศ-บางระจัน ในพื้นที่ อ.เมือง ช่วง กม.ที่ 0+000 - 0+100 ระดับน้ำ 35-40 ซม. ให้ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่นแทน
ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงทั่วประเทศ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นอกจากนี้ กรมทางหลวงได้ติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์นำทาง ในบริเวณทางหลวงที่ถูกน้ำท่วม พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลาย โดยขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทร.ฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางและเส้นทางเลี่ยงได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1