หากพูดถึงแบรนด์ไอศกรีมที่ปลุกกระแสและสร้างตำนานให้คนไทยจดจำได้ไม่ลืม คงไม่มีใครไม่รู้จัก “แดรี่ควีน” เจ้าตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ กับกระแสของบลิซซาร์ดที่สร้างปรากฏการณ์ท้าคว่ำถ้วย ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ได้กระแสตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภคทุกกลุ่ม และทำให้ตลาดไอศกรีมกลับมามีความคักคึก ซึ่งต่อมาแบรนด์ได้ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด แดรี่ควีน กลับมาทวงบัลลังก์ของความเป็นที่สุดแห่งไอศกรีมซอร์ฟเสิร์ฟอีกครั้ง ด้วยการต่อยอดเปิดโมเดลธุรกิจใหม่ เจาะฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพิ่มศักยภาพด้านกำลังซื้อครอบคลุมทุกเพศทุกวัย
นายนครินทร์ ธรรมหทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด บริษัทในเครือไมเนอร์ กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจร้านไอศกรีม "แดรี่ควีน" เปิดเผยว่า แดรี่ควีน มองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ จึงได้ลุยขยายโมเดลเจาะกลุ่มตลาดสมัยใหม่ หรือ กลุ่มคอมมิวนิตี้เพลส (Community Place) โดยได้เปิดสาขานำร่องที่ ธนบุรี มาร์เก็ตเพลส (Thonburi Market Place) เป็นที่แรก เนื่องด้วยความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรแห่งอาหารสดย่านสายสองบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ทำให้ ธนบุรี มาร์เก็ตเพลส แห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมความครบครันที่ทันสมัยของผู้คนโซนฝั่งธนบุรีที่มีกำลังซื้อ
ประกอบกับเทรนด์ของตลาดสดปัจจุบันได้เปลี่ยนรูปแบบไปสู่ตลาดสดสมัยใหม่มากขึ้น จากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้รูปแบบตลาดมีการอัพเกรดให้มีความทันสมัยเพื่อรองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการแบ่งเป็นโซนที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ได้มีเพียงโซนตลาดสด อาหารแห้ง เพียงอย่างเดียว แต่มีการมิกซ์ทั้งร้านค้า ศูนย์อาหาร และร้านอาหารชั้นนำ รวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ที่สามารถเดินเลือกซื้อได้อย่างมากมาย ในราคาที่เข้าถึงได้ ถูกใจคนทุกเพศทุกวัย
ทั้งยังมีการเดินทางที่สะดวก อยู่ใกล้แหล่งพื้นที่ชุมชนจำนวนมาก จึงเป็นตลาดสมัยใหม่ที่กำลังนิยมมากในกลุ่มคนยุคปัจจุบัน เมื่อมาแล้วได้สิ่งที่ต้องการครบจบในที่เดียว กลายเป็นจุดศูนย์รวมความสะดวกสบายที่ครบครัน มีคุณภาพและได้มาตรฐาน สามารถดึงดูดใจได้ทั้งผู้ที่ต้องการเช่าร้านค้าและกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
โดยความแตกต่างของการรุกธุรกิจในครั้งนี้ แดรี่ควีนต้องการเพิ่มฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทางแบรนด์มองว่าการมาของแดรี่ควีนจะสร้างความคึกคักให้กับคอมมิวนิตี้เพลสแห่งนี้ รวมถึงการขยายสาขาเข้าไปยังคอมมิวนิตี้เพลสอื่นๆ ในอนาคต ตลอดจนเป็นสถานที่ที่จะดึงดูดกำลังซื้อของกลุ่มคนนิวเจนที่ต้องการความใหม่ไม่จำเจได้อีกด้วย ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง
“แดรี่ ควีน เป็นแบรนด์ไอศกรีมในเครือไมเนอร์ ฟู้ด ที่สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การขยายโมเดลธุรกิจครั้งนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของแบรนด์ ที่จะขยายธุรกิจเข้าไปให้ใกล้ชิดกับผู้บริโภคให้มากขึ้น เรียกว่าสามารถเข้าถึงแดรี่ควีนได้ในทุกๆ เซกเม้นต์ของมาร์เก็ตที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มในปัจจุบัน ตั้งแต่ในรูปแบบร้านค้าบนห้างสรรพสินค้า แบบสแตนอโลน ฟู้ด ทรัค และล่าสุดคือ คอมมิวนิตี้เพลสในตลาดสมัยใหม่ของธนบุรี มาร์เก็ตเพลส โดยคาดว่าโมเดลการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มคอมมิวนิตี้เพลส จะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 500 สาขา โดยหลังจากนี้เตรียมเดินหน้าขยายธุรกิจเข้าไปยังตลาดสมัยใหม่ที่เป็นรูปแบบคอมมิวนิตี้เพลสเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”
นายนครินทร์ กล่าวว่า หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ "แดรี่ควีน" ประสบความสำเร็จ มาจากการวางเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าผ่านการขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการครอบคลุม 500 สาขา ทั่วประเทศ แบรนด์จึงต้องการที่จะต่อยอดเพื่อสร้างความแตกต่างและขยายธุรกิจเข้าไปยังแพลตฟอร์มใหม่ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบด้านช่องทางการขาย ทั้งร้านแบบเดิมและแบบใหม่ ตลอดจนมุ่งสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
นอกจากนี้ แดรี่ควีน ไม่ได้เพียงโดดเด่นในด้านไอศกรีมเท่านั้น แต่ยังมีเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ Coffee Journey แบรนด์กาแฟน้องใหม่ส่งตรงจากออสเตรเลียที่จะมาเติมเต็มธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกัน โดยจุดเด่นของแบรนด์กาแฟอยู่ตรงที่วัตถุดิบเมล็ดกาแฟที่แตกต่างจากกาแฟทั่วๆ ไป คือเป็นพันธุ์อาราบิก้าคุณภาพเยี่ยมนำเข้าจากออสเตรเลีย ที่ได้พัฒนาสูตรให้มีรสชาติหอมเข้มถูกคอคนไทยเอาใจคนรักกาแฟ ซึ่งทั้ง 2 สินค้านี้จะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้ครบวงจรมากขึ้น และทั้งหมดนี้คือ บทพิสูจน์ของแบรนด์ต่างๆในเครือไมเนอร์ ฟู้ด ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาแบรนด์และสร้างสรรค์ธุรกิจรูปแบบใหม่เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตลาด และเป็นการต่อยอดการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับไมเนอร์ ฟู้ด ได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต