ผู้จัดการรายวัน 360 - “เชสเตอร์” เปิดเกมรุกหนักปีหน้า 2566 อัดงบตลาดเพิ่ม 30% พร้อมเร่งเครื่องเปิดสาขามากกว่าปกติ นำร่องโมเดลใหม่แกร็บแอนด์โกเต็มรูปแบบ ฉลองปีที่ 34 ผนึกไอเบอร์รี่ออกเมนู “ไอศกรีมรสซอสน้ำปลาฮอตชิลลี่”
นางสาวลลนา บุญงามศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ ฟูด จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารฟาสต์ฟูดในเครือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ภายใต้แบรนด์ Chester’s (เชสเตอร์) กล่าวว่า ในเครือซีพีปีหน้า (2566) บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจร้านเชสเตอร์ในเชิงรุกมากขึ้น และตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้เป็นดับเบิลให้ได้ เนื่องจากจะเป็นปีที่บริษัททำตลาดและลงทุนมากกว่าปกติ ทั้งการขยายสาขาเพิ่มขึ้น การใช้งบการตลาดมากขึ้น การขยายช่องทางใหม่เพิ่ม การขยายเมนูใหม่ๆ การขยายกลุ่มเป้าหมาย
ประกอบกับมีการประเมินว่าปีหน้าสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้นตามลำดับ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเริ่มกลับเข้ามามากขึ้นส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น รวมทั้งการแข่งขันของธุรกิจอาหารที่รุนแรงก็จะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและได้รับประโยชน์มากขึ้น
โดยวางแผนจะใช้งบการตลาดเพิ่มอีก 30% และจะเปิดร้านเชสเตอร์ใหม่ประมาณ 20 สาขา อีกทั้งจะขยายโมเดลใหม่ๆ เพิ่ม หลังจากที่ปีที่แล้วได้ขยายโมเดลแกร็บแอนด์โกมาแล้วมากกว่า 100 จุด มีประมาณ 4 เมนูแกร็บแอนด์โก ทั้งจุดจำหน่ายที่เปิดในร้านเดิมและพื้นที่ใหม่ และล่าสุดจะเปิดโมเดลแกร็บแอนด์โกเต็มรูปแบบสาขาแรก ที่สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ พื้นที่ 20 ตารางเมตรในเดือนนี้ มีบริการมากกว่า 20 เมนู เน้นขายหน้าร้านเท่านั้นซึ่งในอนาคตหากไปได้ดีจะขยายไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง เน้นทำเลรถไฟฟ้าบีทีเอส เอ็มอาร์ที และพื้นที่ย่านชุมชนเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ปีหน้าถือว่าขยายสาขามากกว่าปกติ จากเดิมในอดีตที่ผ่านมาเปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 7-10 สาขาเท่านั้น เช่นปีที่แล้วเปิดแค่ 7 สาขา และปีนี้วางเป้าหมายเปิด 12 สาขา โดยขณะนี้มีสาขารวม 203 สาขา แล้ว แบ่งเป็นของบริษัทและแฟรนไชส์เท่ากัน โดยอยู่ในกรุงเทพฯ กับปริมณฑล 70% และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ 30% ซึ่งยังมีโอกาสขยายได้อีกมาก โดยเฉพาะในจังหวัดระดับเทียร์ 2
ขณะเดียวกัน โมเดลเดิมที่เป็นร้านขนาดใหญ่นั้นก็จะมีการปรับปรุงโฉมใหม่ต่อเนื่องให้มีความสดใสทันสมัย แต่อย่างไรก็ตาม จากนี้ก็จะมีการเน้นไปเปิดพื้นที่ที่เล็กลงมากขึ้น เช่นจากเดิมพื้นที่เฉลี่ย 200 กว่าตารางเมตร ก็จะใช้เพียง 100 กว่าตารางเมตร เพราะไม่จำเป็นต้องเปิดขนาดใหญ่ เพราะสามารถสร้างรายได้จากการดีลิเวอรีและเทกอะเวย์ได้มากขึ้น และลงทุนน้อยกว่าด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้สัดส่วนรายได้มาจาก นั่งรับประทานในร้านและหน้าร้าน 50% กับดีลิเวอรี่ 50% เท่ากัน จากอดีตดีลิเวอรีมีสัดส่วนเพียง 20% เท่านั้นเอง
“ช่วงโควิด 2-3 ปีที่ผ่านมาเราไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเราปรับตัวปรับกลยุทธ์ ทำให้เรายังประคองตัวอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการขยายช่องทางการขาย เช่น เปิดแกร็บแอนด์โก ขยายช่องทางดีลิเวอรีมากขึ้นโดยร่วมมือกับทางอัลกริเกรเตอร์ต่างๆ มีการขยายเมนูใหม่ๆ เพิ่มขี้นต่อเนื่อง เช่น ไก่ทอดซอสเกาหลี ไก่ทรัฟเฟิล สโนว์อันเนี่ยน ข้าวเหนียวทุเรียนก็มี ทำให้ยอดขายปีนี้คาดว่าจะเติบโต 30% และตั้งเป้าหมายปีหน้ายอดขายเติบโต 2 หลักเช่นกัน ซึ่งเราจะขยายกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้นอายุต่ำกว่า 30 ปีลงมา เช่น การออกเมนูใหม่ หรือการใช้การสื่อสารผ่านโซเชียลต่างๆ เช่น TIKTOK” นางสาวลลนากล่าว
ล่าสุดเชสเตอร์ปีที่ 34 นี้สร้างความตื่นเต้น และเพิ่มโอกาสในการรับประทานอาหารให้หลากหลาย ตามเทรนด์ใหม่ๆ ด้วยการเปิดตัว “ไอศกรีมรสซอสน้ำปลาฮอตชิลลี่” ซึ่งร่วมกับไอเบอร์รี่พัฒนาสูตรจากเมนูซิกเนเจอร์ครองใจลูกค้า อย่าง ไก่ย่างสูตรเผ็ดและข้าวไก่กรอบซอสน้ำปลา กลายเป็นไอศกรีมรสชาติพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งมีจำนวนจำกัดเฉพาะโอกาสพิเศษ ฉลองครบรอบ 34 ปีเชสเตอร์เท่านั้น เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 8 ตุลาคม 2565 ในราคาถ้วยละ 75 บาท เฉพาะนั่งรับประทานที่ร้านเชสเตอร์เท่านั้น พร้อมโปรโมชันพิเศษ จัดคู่เมนูข้าวซิกเนเจอร์ของเชสเตอร์ อย่าง ข้าวไก่กรอบซอสน้ำปลา (สามารถเปลี่ยนเป็นข้าวไก่เผ็ดเชสเตอร์ หรือข้าวอบไก่ย่างได้) เสิร์ฟพร้อมเป๊ปซี่ 16 ออนซ์ 1 แก้ว และไอศกรีมรสซอสน้ำปลาฮอตชิลลี่ 1 ถ้วย ชุดละ 159 บาท (จากปกติชุดละ 214 บาท)