SCN ตั้งเป้าปี 2566 โตต่อเนื่อง 20% พร้อมเร่งปิดดีล M&A โซลาร์รูฟท็อปอีก 4 เมกะวัตต์ในปีนี้ ก่อนดันบริษัทลูก SAP เข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังขยายกำลังผลิตแตะ 110 เมกะวัตต์ในปี 2567
นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) (SCN) เปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2566 โตกว่า 20% เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติแรงอัด iCNG แม้ว่าในปี 2566 ราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงแต่ก็ยังสูงอยู่ทำให้ธุรกิจก๊าซฯ จะยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขาขึ้นไปอีกประมาณ 3 ปี โดยวางเป้าหมายยอดขายก๊าซฯ ปีหน้าโตขึ้น 50% จากปีนี้ที่มียอดขายราว 5,000 ล้านบีทียู/วัน
ขณะที่ธุรกิจ NGV ในปี 2566 คาดว่าจะยังเติบโตได้ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งในช่วง 7-8 ปีก่อนยอดขาย NGV จะลดลงปีละ 10% ต่อเนื่อง แต่ในปี 2565 ยอดขาย NGV กลับเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ตามความต้องการใช้ก๊าซฯ เพื่อทดแทนน้ำมันที่มีราคาแพง
ส่วนธุรกิจใหม่ปลูกกัญชง แบบ Indoor Outdoor บนพื้นที่ 3,150 ตารางเมตร กำลังการผลิตกว่า 200 กิโลกรัมต่อวันนั้น ในส่วนของเฟสแรก กำลังผลิต 100 กิโลกรัมต่อวันจะเริ่มขายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ หลังจากได้รับใบอนุญาตปลูกกัญชงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และธุรกิจซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV ของ ขสมก.ประมาณ 100 คันแรกจะครบสัญญา 5 ปีแรกทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมา 100-200 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีแผนเข้าร่วมประมูลซ่อมบำรุงสถานี NGV ตามภูมิภาคเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ จากเดิมมี 2 ภูมิภาค
นอกจากนี้ ธุรกิจไฟฟ้าก็มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยโรงไฟฟ้ามินบู ที่เมียนมา กำลังการผลิตติดตั้ง 220 เมกกะวัตต์ โดยเฟสแรก 50 เมกะวัตต์ จ่ายไฟเชิงพาณิชย์และรับรู้รายได้แล้ว ส่วนเฟส 2 อีก 50 เมกกะวัตต์ คาดว่าจะสร้างเสร็จในปลายปี 2565 และปีหน้าลงทุนอีก 2 เฟสที่เหลือ ที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รัฐประหารแต่อย่างใด บริษัทยังคงได้รับรายได้จากค่าไฟปกติอยู่ ส่วนธุรกิจ Solar Rooftop ซึ่งบริษัทดำเนินการในรูปแบบโครงการซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทลูกคือ บริษัท สแกนแอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ปัจจุบันจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ไปแล้วรวม 21 โครงการ และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) กำลังการผลิต 4 เมกะวัตต์ คาดว่าปิดดีลได้ในเร็วๆ นี้ ทำให้สิ้นปีนี้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 25 เมกะวัตต์ โดยวางเป้าหมายในปี 2567 จะมีกำลังผลิตเติบโตไปแตะระดับ 110 เมกะวัตต์ โดนเน้นการทำ M&A เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะนำ SAP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะนี้ได้ตั้งที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว และเตรียมยื่นแบบคำขอเพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ในปีหน้า เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และเสริมศักยภาพต้นทุนการแข่งขันให้กับธุรกิจต่อไป
นายฤทธีกล่าวว่า บริษัทสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของภาครัฐ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมด้านพื้นที่เพื่อลงทุนโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตราว 30-40 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ดี บริษัทขอรอดูเงื่อนไขการเปิดรับซื้อไฟฟ้าที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจ
