ผู้จัดการรายวัน 360 - "ร้านยากรงเทพ" เดินหน้าเพิ่มบริการเกี่ยวกับสุขภาพใหม่ๆ มาให้บริการเพิ่มมากขึ้น ปรับสัดส่วนสินค้าและบริการของร้านยากรุงเทพ จากการรักษาไปสู่การป้องกันมากขึ้น
นายชูวิทย์ วัยศิริโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพดรักสโตร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2565 ร้านยากรุงเทพได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 24 กับบทบาทการเป็นร้านขายยามาตรฐานสำหรับชุมชนที่ช่วยแบ่งเบาภาระแพทย์ในการดูแลกลุ่มอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น ปัจจุบันมีสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งสิ้น 80 สาขา เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มีเภสัชกรมากกว่า 200 คน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพกว่า 3,000 รายการ แอปพลิเคชันมีผู้ดาวน์โหลดแล้วกว่า 200,000 ราย
โดยแอปพลิเคชัน “ร้านยากรุงเทพ” จะเชื่อมต่อเภสัชกรทุกสาขาของร้านยากรุงเทพ เพื่อให้คำปรึกษาและบริการตามหลักเภสัชกรรมคลินิก ผ่านการแชต โทร.หรือวิดีโอคอล ซึ่งทุกรายที่จำเป็นต้องใช้ยาจะต้องพูดคุยกับเภสัชกรเพื่อให้คำปรึกษา บันทึกประวัติ และติดตามให้คำแนะนำเพิ่มเติมด้วยระบบยืนยันการรับสินค้า
นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับพันธมิตรที่แพลตฟอร์มมีระบบบริการสุขภาพด้านต่างๆ เช่น ระบบ Telemedicine จาก Skin X, Mordee และ Hibro เพื่อรับใบสั่งแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือปรึกษาแพทย์จากที่สาขาร้านยากรุงเทพ, Ai ที่ช่วยคัดกรองอาการ จาก AGNOS, อุปกรณ์ดิจิทัลวัดค่าสุขภาพจาก Touch Good Health, ตู้จำหน่ายยาสามัญอัตโนมัติ Medis, และ
แอปพลิชันพันธมิตรที่ต้องการเพิ่มบริการด้านสุขภาพให้แก่ลูกค้า ที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน “ร้านยากรุงเทพ” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพให้ครอบคลุมมากขึ้น
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ยังกล่าวถึงเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนไทยด้วยว่า ได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การป้องกันมากกว่าการรักษา ซึ่งจำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 รวมถึงโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้บริโภคกว่า 30-40% เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับยา และคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดยาปี 2565 จะอยู่ที่ 2.33-2.38 แสนล้านบาท เติบโต 3-5% เนื่องจากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่ปรับเพิ่มขึ้นตามความซับซ้อนของโรคและเทคโนโลยี ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และความต้องการยารักษาโรคที่เพิ่มขึ้นตามความเสี่ยงในการเกิดโรคที่มีมากขึ้น ดังนั้น การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการสุขภาพแบบครบวงจร โดยเฉพาะบริการเภสัชกรรมทางไกล (Telepharmacy) และแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยารักษาโรคได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
นายชูวิทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ร้านยากรุงเทพ ดำเนินธุรกิจด้วยเป้าหมายการเป็นร้านขายยามาตรฐานที่ดูแลสุขภาพเบื้องต้นของผู้คนในชุมชนให้สามารถเข้าถึงยารักษาโรคได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเปิดบริการร้านยากรุงเทพสาขาแรกในปี 2541 และดูแลลูกค้า 24 ชั่วโมง มาตลอด 24 ปี ปัจจุบันร้านยากรุงเทพสามารถดูแลคนในชุมชนได้เดือนละประมาณ 700,000 คน และเติบโตบนพื้นฐานสำคัญคือ การช่วยให้ลูกค้าดูแลสุขภาพเบื้องต้นอย่างปลอดภัยและทั่วถึง ด้วยการพัฒนาระบบในร้านอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบประวัติลูกค้าเชื่อมต่อข้อมูลทุกสาขา ระบบป้องกันการแพ้ยา หรือ Drug Smart Alert จนถึงระบบ Telepharmacy กับแอปพลิเคชัน ร้านยากรุงเทพ ในปัจจุบัน”
"ร้านยากรุงเทพมีแผนจะเพิ่มบริการด้านสุขภาพใหม่ๆ มาให้บริการเพิ่มมากขึ้น และจะปรับสัดส่วนสินค้าและบริการของร้านยากรุงเทพ จากการรักษาไปสู่การป้องกันมากขึ้น ซึ่งเป็นภาพของร้านขายยายุคใหม่ในการเป็นศูนย์บริการสุขภาพเบื้องต้นสำหรับชุมชน โดยมีเทคโนโลยีเป็นบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพ และเชื่อมต่อบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งร้านขายยาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศด้านสาธารณสุข (Healthcare Ecosystem) ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุขพื้นฐาน และบริการด้านสุขภาพที่หลากหลาย ไม่จำกัดขอบเขตพื้นที่และเวลา ได้มากยิ่งขึ้น" นายชูวิทย์กล่าว
ร้านยากรุงเทพ ก่อตั้งขึ้นในปี 2541 โดยเปิดให้บริการสาขาแรกที่สุขุมวิท 71 ต่อมาปี 2562 เริ่มเปิดบริการ Call Center เพื่อให้คำปรึกษาเรื่องยาและสุขภาพโดยเภสัชกร ในปี 2563 ที่เกิดวิกฤตโควิด-19 จัดระบบจองสินค้าเพื่อกระจายสินค้าจำเป็นให้ทั่วถึงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และปรับลดราคาสินค้าเพื่อแบ่งเบาภาระผู้บริโภค และในปี 2564 ได้พัฒนาและเปิดให้บริการเภสัชกรรมทางไกล (Telepharmacy) ผ่านแอปพลิเคชัน “ร้านยากรุงเทพ” เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ที่กักตัวสามารถลดความเสี่ยงในการออกจากบ้านมาซื้อยา