xs
xsm
sm
md
lg

“สกนช.” โชว์กองทุนน้ำมันฯ ลดวิกฤตราคาพลังงาน อุ้มดีเซล-LPG ทะลุ 1.24 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสรุปผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบปี 2565 ช่วยลดผลกระทบราคาพลังงานน้ำมันและ LPG ตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้กองทุนน้ำมันติดลบทะลุ 1.24 แสนล้านบาท

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)
เปิดเผยว่า ในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 โดยดูแลเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในช่วงเกิดวิกฤตด้านพลังงานนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ช่วงฤดูหนาว จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เกิดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้องใช้กลไกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการอุดหนุนราคาโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่เป็นเชื้อเพลิงสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ

ปัจจุบันประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 25 กันยายน 2565 ติดลบ 124,216 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 82,674 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 42,542 ล้านบาท โดยที่มีเงินช่วยเหลือด้านราคาก๊าซจากกลุ่ม ปตท.เข้ามาเติม 1,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนน้ำมันฯ ติดลบครั้งแรกเดือนมีนาคม 2565 โดยติดลบ 82,674 ล้านบาทจากก่อนหน้าที่เป็นบวกมาตลอด

“ปีนี้มีการปรับราคาน้ำมันดีเซลที่ราคาลิตรละ 30 บาท เพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเริ่มทยอยปรับขึ้นครั้งแรก 1 พฤษภาคม 2565 ราคาลิตรละ 32 บาท และปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 34.94 บาท ส่วนราคา LPG ก็เช่นกัน หลังจากที่ตรึงไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัมมาต่อเนื่องยาวนาน ก็ได้ทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ปรับขึ้นครั้งแรกเป็น 333 บาท และปัจจุบันอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม” นายวิศักดิ์กล่าว

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช. กล่าวว่า สกนช.ได้ปรับแผนวิกฤตด้านน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน โดยปรับครั้งที่ 1 การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ (จำนวนเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท) แล้วต้องไม่เกินจำนวน 40,000 ล้านบาท ตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562

การปรับครั้งที่ 2 กรณีฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้ติดลบหากระดับราคายังอยู่ในระดับวิกฤตจนส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ ตามมาตรา 26 วรรคสอง หรือวรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 โดยเฉพาะเมื่อใกล้วงเงินกู้ยืมเงินที่ได้รับตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว ให้เริ่มดำเนินการพิจารณากลยุทธ์การถอนกองทุนน้ำมันฯ (Exit Strategy) โดยปรับสัดส่วนการช่วยเหลือลงครึ่งหนึ่ง และยังคงดำเนินการหารือเรื่องการปรับลดภาษีสรรพสามิต เพื่อให้ระดับราคาไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก และเริ่มดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กองทุนฯ ไม่ขาดสภาพคล่อง รวมทั้งยังมีการขยายกรอบวงเงินกู้จาก 20,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการขอขยายกรอบวงเงินกู้เป็น 150,000 ล้านบาท

ส่วนของการดำเนินการในบทเฉพาะกาลตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 นั้น สกนช. ได้ขยายเวลาจ่ายเงินชดเชยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปอีก 2 ปี ครบกำหนด 24 กันยายน 2567 เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดความผันผวนด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและเศรษฐกิจที่ถดถอยเกิดผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้ จึงได้มีการขยายเวลาออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น