xs
xsm
sm
md
lg

UTA เซ็นข้อตกลง "กองทัพเรือ" ร่วมใช้ประโยชน์รันเวย์ที่ 1 "สนามบินอู่ตะเภา" รับการบินเชิงพาณิชย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กองทัพเรือ-UTA ลงนามบันทึกข้อตกลง (JUA) ร่วมใช้ประโยชน์รันเวย์ที่ 1 “สนามบินอู่ตะเภา” ด้านความมั่นคงควบคู่เชิงพาณิชย์ ต่อยอดพัฒนาเมืองการบิน “คีรี” คาดเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้าน พัฒนาสนามบินนานาชาติและเมืองใหม่ที่ทันสมัยที่สุดของประเทศ

วันที่ 21 ก.ย. 2565 ณ อาคารราชนาวิกสภา กองทัพเรือ พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนจากกองทัพเรือ และนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร ผู้แทนจากบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการใช้ประโยชน์ “สนามบินอู่ตะเภา” กองทัพเรือ และ “สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา” ตามโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกร่วมกัน (Joint Use Agreement: JUA) โดยมีนายธาริศร์ อิสสระยั่งยืน รองเลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ร่วมลงนามเป็นพยานในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการใช้ประโยชน์ “สนามบินอู่ตะเภา” กองทัพเรือ และ “สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา” ตามโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกร่วมกัน (Joint Use Agreement : JUA)

พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า บันทึก JUA ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดในสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) (คู่สัญญาฝ่ายรัฐ) กับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (บริษัท UTA) (เอกชนคู่สัญญา) ซึ่งทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 1 สนามบินอู่ตะเภา กองทัพเรือได้ใช้ประโยชน์ในด้านความมั่นคงมาโดยตลอด แต่เพื่อการสนับสนุนการพัฒนาประเทศและเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล จึงได้ใช้งานในเชิงพาณิชย์ควบคู่กันไป ตามโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่ผ่านมากองทัพเรือได้มีการเจรจากับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) มาอย่างต่อเนื่อง จนบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน ซึ่งบันทึกข้อตกลงฉบับนี้จะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์และเกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายต่อไป

“ในการประมูลจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้าง ผมได้มอบนโยบายกองทัพเรือว่าต้องได้บริษัทที่ดีที่สุด มีความโปร่งใส เป็นธรรมตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน การก่อสร้างจะต้องได้ผู้ที่มีความสามารถดีที่สุด เพื่อให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นไปตามแผน เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคต โครงการนี้ใหญ่และเกี่ยวพันกับหลายส่วนจึงต้องให้ความสำคัญอย่างมาก” พลเรือเอก สมประสงค์กล่าว
 


นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด กล่าวว่า การจัดทำบันทึกข้อตกลง JUA ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 และจะทำให้บริษัทฯ สามารถใช้ทางวิ่งที่ 1 สนามบินอู่ตะเภา เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์และเพื่อสนับสนุนการให้บริการของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก รวมถึงสิทธิอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในบันทึกข้อตกลง JUA โดยไม่กระทบต่อพันธกิจและการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเป็นโครงการใหญ่และมีความทันสมัย ซึ่งคาดว่าจะมีการลงทุนทั้งหมดทั้งค่าก่อสร้าง ค่าตอบแทนในสัมปทาน ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท โดยจะเป็นโครงการนำร่องของอีอีซีที่เกิดเป็นรูปธรรมและส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย

หลังจากลงนามในบันทึกข้อตกลง JUA แล้วได้มีการตั้งทีมงาน โดยมีที่ปรึกษาจากต่างประเทศที่มีความชำนาญในการดำเนินการก่อสร้างและบริหารสนามบิน ซึ่งนอกจากสนามบินแล้ว ล่าสุด ครม.ได้เห็นชอบโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ซึ่งมีเขตประกอบการค้าเสรี (EECa Free Trade Zone) ซึ่งในอนาคตจะไม่ได้เป็นแค่สนามบินนานาชาติ แต่จะเป็นเมืองใหม่ที่ทันสมัยที่สุดของประเทศไทย

ที่สำคัญ การลงนามในครั้งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยให้เติบโตขึ้นอย่างมากและเป็นที่รู้จักทั่วโลกผ่านความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีให้แก่ภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ขยายการลงทุนมาสู่พื้นที่อีอีซี ทำให้เกิดการสร้างรายได้และการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะการเป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation" รวมถึงการเป็นศูนย์กลางของ “มหานครการบินภาคตะวันออก" เพื่อสานต่อเจตนารมณ์การพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ดที่ต้องการให้เกิดเมืองท่าและเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศไทย


นายธาริศร์ อิสสระยั่งยืน รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จะมี 2 ทางวิ่ง โดยปัจจุบันทางวิ่งที่ 1 กองทัพเรือเป็นผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ ในส่วนทางวิ่งที่ 2 และทางขับที่เกี่ยวข้อง รัฐมีหน้าที่ดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้เอกชนร่วมลงทุนใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และเอกชนมีหน้าที่พัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนต่อปี

การลงนาม JUA ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกข้อตกลงการใช้ประโยชน์ทางวิ่งที่ 1 เพื่อให้กองทัพเรือซึ่งมีภารกิจทางด้านความมั่นคง และเอกชนร่วมลงทุนซึ่งมีหน้าที่ในการดำเนินงานสนามบินเชิงพาณิชย์ สามารถร่วมกันใช้ประโยชน์สนามบินอู่ตะเภาได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยให้มีความสอดคล้องกับภารกิจและวัตถุประสงค์ของทั้งสองฝ่าย

โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้มีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563 ถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็น “สนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของกรุงเทพฯ” โดยมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ได้แก่ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา






กำลังโหลดความคิดเห็น