xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่ม "บางจาก" เผยกลยุทธ์ปรับตัวหลังเกิดวิกฤตพลังงาน ใช้ "OKEA ASA" นอร์เวย์ เป็นหัวหอกการเติบโตในธุรกิจต้นน้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลุ่ม "บางจาก" โชว์ความสำเร็จในการขยายธุรกิจสู่ต้นน้ำจากการลงทุนในแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่นอร์เวย์ ประเทศที่มีการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลก มีอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานสูง มีการจัดเก็บภาษีคาร์บอนเพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 นี้ ประมาณ 30% ของ EBITDA ของกลุ่มบางจาก เป็น EBITDA ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านบริษัท OKEA ASA ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (45.7%) พร้อมนำความสำเร็จมาเป็นต้นแบบต่อยอดขยายการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานควบคู่ไปกับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ล่าสุดปรับกลยุทธ์ปรับตัวหลังเกิดวิกฤตพลังงาน ใช้บริษัท "OKEA ASA" นอร์เวย์ เป็นหัวหอกสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจต้นน้ำ เผยเจรจาจ่อปิดดีลเพิ่ม 6-7 ดีล ชี้ผลสำเร็จการลงทุนประสบความสำเร็จอย่างสูง แจงเงื่อนไขในการพิจารณาลงทุน 3 เรื่องหลัก 

 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ผู้ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสโล กล่าวว่า ความมั่นคงทางพลังงานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์ในระยะยาวของกลุ่มบางจาก ซึ่งธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนับว่ามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ดังกล่าว OKEA ถือเป็น flagship ในการบรรลุภารกิจนี้ และถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของกลุ่มบางจาก มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้นทั่วโลก

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 OKEA มีรายได้จากการขายน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติรวม 10,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น148% จาก 4,133 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมี EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 7,833 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288% จาก EBITDA ครึ่งแรกของปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปทานที่ตึงตัวจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกสูงขึ้น หลังจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศ

OKEA มีแหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์รวมทั้งสิ้น 4 แหล่ง

ปัจจุบัน OKEA มีแหล่งปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์รวมทั้งสิ้น 4 แหล่ง ได้แก่ แหล่ง Draugen ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 44.56% แหล่ง Gjoa (12%) แหล่ง Yme (15%) แหล่ง Ivar Aasen (2.77%) โดยมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมทั้งหมดในส่วนของ OKEA รวมประมาณ 20,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดย OKEA เริ่มจากการเข้าเป็น operator ในแหล่ง Draugen จาก Shell และมีการพัฒนาแหล่งผลิตใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทำให้ปริมาณการผลิตปิโตรเลียมของ OKEA จะปรับตัวเป็นกว่า 25,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปลายปีนี้ รวมถึงยังสามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตของแหล่ง Draugen ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้สามารถยืดระยะเวลาในการผลิตออกไปจากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะผลิตได้ถึงปี ค.ศ. 2027 เป็น ค.ศ. 2035 และยังได้รับการชมเชยจากกระทรวงปิโตรเลียมของนอร์เวย์อีกด้วย ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา OKEA มีสัดส่วนการผลิตน้ำมันดิบคิดเป็น 61% และก๊าซธรรมชาติ 39% ซึ่งก๊าซธรรมชาติถือว่าเป็นเชื้อเพลิงที่มีบทบาทสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

ใช้หัวหอกธุรกิจต้นน้ำใช้ OKEA ASA นอร์เวย์ เป็นฐาน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ผู้ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสโล กล่าวว่า จากการประชุมบอร์ด OKEA ล่าสุด ได้ประเมินว่าแนวโน้มวิกฤตด้านพลังงานหลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนมีโอกาสที่จะลากยาวไป 3 ปี  บริษัทจึงได้มุ่งขยายการลงทุนในส่วนของธุรกิจต้นน้ำโดยผ่าน OKEA ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ แฟลกชิปในเครือบางจากให้มากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจต้นน้ำ (ทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่)  

OKEA เร่งปิดดีลพร้อมเจรจาเพิ่ม 6-7 ดีล

ในช่วงต้นปีแรก OKEA สามารถบรรลุการเจรจาเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) ไปแล้ว 2 ดีล จากทั้งหมดที่ได้มีเจรจาไป 6-7 ดีล คาดว่าจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีจะสามารถปิดดีลได้อีก 2 ดีล ซึ่งจะอยู่ในแถบ NCR (ยุโรป) ส่วนเม็ดเงินลงทุน M&A นั้นไม่ได้เป็นงบประมาณที่วางไว้ในกรอบ แต่จะขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรอง ทั้งนี้คาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้ากำลังการผลิตของ OKEA จะสามารถเติบโตได้ 1-2 เท่าตัวจาก 20,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เป็น 40,000-60,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน 

“ที่ผ่านมาการลงทุนใน OKEA ประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถผลิตได้มากกว่าแผนที่วางไว้ จากเดิมคาดว่าแหล่งดราเกนคาดว่าจะสามารถผลิตน้ำมันได้ถึงปี 2027แต่ปัจจุบันสามารถยืดอายุการผลิตไปถึงปี 2035 อีกทั้งช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา OKEA ยังมี EBITDA สูงเป็นสัดส่วน 30% ของธุรกิจต้นน้ำในกลุ่มบางจาก เราได้ปรับโครงสร้างหลายอย่าง ทำให้ต้นปีที่ผ่านมา OKEA มีหนี้สินติดลบ หมายถึงมีรายได้มากกว่าหนี้สิน ซึ่งทำให้มีกระแสเงินสดจำนวนมาก ประกอบกับทางรัฐบาลนอร์เวย์มีนโยบายส่งเสริมและกระตุ้นการลงทุนโดยจะลดภาษีให้กับธุรกิจที่นำรายได้ไปลงทุนขุดเจาะต่อไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจอน้ำมันก็จะได้รับการลดหย่อนภาษี 78% แต่หากไม่มีการลงทุนต่ออาจจะต้องถูกเรียกเก็บภาษีมากกว่า 80% ดังนั้นจึงเหมาะสมจะขยายการลงทุน”  

บางจากบุกลงทุนยึด 3 เงื่อนไขเป็นหลัก

สำหรับการจะเข้าไปลงทุนในแหล่งใหม่นั้นเป็นสิ่งที่บางจากให้ความสำคัญ โดยมีเงื่อนไขในการพิจารณา 3 เรื่องหลัก คือ แหล่งที่จะเข้าไปลงทุนนั้นจะต้องมี 3 เรื่อง คือ OKEA จะเข้าไปลงทุนเซ้งต่อกิจการเหมืองที่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเหลือตั้งแต่ 7-10 ปี 2) ต้องมีต้นทุนปากหลุมไม่เกิน 30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 3) จะต้องมีพันธมิตรเข้าไปร่วมลงทุนด้วย  

“หลักการสำคัญของการขยายลงทุนจะต้องมีวินัยอย่างมาก เพราะการเข้าไปซื้อหรือควบรวมกิจการไม่ใช่การชอปปิ้ง ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ซึ่งตอนนี้ OKEA มีกระแสเงินสดเหลือเป็นจำนวนมาก การเข้าไปลงทุน และการเข้าซื้อแหล่งเดิมจะทำให้ลดระยะเวลาในการทำรายได้กลับสู่บริษัทได้รวดเร็วมากขึ้นหากเทียบกับการเข้าไปลงทุนสำรวจและขุดเจาะที่ใช้เวลานานซึ่งจะไม่ทันกับจังหวะที่ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น“  

 “ในช่วงที่ผ่านมาจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนทำให้ระดับราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลดีต่อธุรกิจ OKEA อย่างมาก โดยเฉพาะหากเทียบราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับขึ้นจาก 40 เป็น 350 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หลังวิกฤตเราส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังอังกฤษก็ต้องเร่งเปิดวาล์วเต็มที่ เพราะตอนนี้ตลาดมีความต้องการสำรองก๊าซเพื่อรองรับเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนราคาน้ำมันดิบก็มีขึ้นลงมาบ้างยังอยู่ระดับที่มีกำไร เพราะต้นทุนราคาปากหลุมที่เป็นต้นทุนคงที่ต่ำมากหากเทียบกับราคาในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างไร ประเด็นความมั่นคงทางพลังงานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์ในระยะยาวของกลุ่มบางจาก”  

 นายชัยวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 5 ปีบริษัทยังคงสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจน้ำมัน 30-40% ธุรกิจโรงกลั่น 20-30% ธุรกิจไฟฟ้า 20-30% และธุรกิจใหม่ด้านชีวภาพอีก 10%  

“ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจะเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกไปอีกหลายทศวรรษ เราจะอยู่กับพลังงานฟอสซิลอย่างไรเพื่อโลกยั่งยืน บางจากฯ มุ่งให้ความสำคัญต่อการสร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ด้าน คือ ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability) และความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) โดยส่วนหนึ่งจะยึดโมเดลธุรกิจและประสบการณ์ของนอร์เวย์ซึ่งเป็นหนึ่งประเทศที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ มีมาตรฐานที่ดีที่สุดในโลกเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในอนาคต”   

ในอนาคตก๊าซธรรมชาติถือว่าเป็นเชื้อเพลิงที่มีบทบาทสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ประเทศนอร์เวย์เป็นประเทศที่มียอดการใช้รถไฟฟ้าสูงสุดในโลกเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร โดยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในประเทศมาจากแหล่งพลังงานสะอาด ในขณะที่พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลผลิตเพื่อส่งออก และได้รับการยอมรับว่ามีความพร้อมรองรับเป้าหมาย Net Zero เป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีแผนจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50-55% ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) และเป็นสังคมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณต่ำภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) ปัจจุบันมีการกำหนดภาษีคาร์บอนซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่กว่า 80 ยูโรต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นถึงกว่า 200 ยูโรต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี ค.ศ. 2030 ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานของนอร์เวย์พยายามรักษามาตรฐานการผลิตให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

เปิดปูม OKEA (โอเกีย) ผู้นำดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์

OKEA (โอเกีย) เป็นผู้นำในการดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมระยะกลางและปลายบนพื้นที่ไหล่ทวีปของนอร์เวย์ (Norwegian continental shelf) ผ่านกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นเสริมสร้างการเติบโต การสร้างมูลค่า และเคร่งครัดในวินัยด้านเงินทุน เพื่อขยายอายุสินทรัพย์ให้ยาวนานขึ้นจากแผนเดิม

มีวัตถุประสงค์หลักคือการลดรอยเท้าคาร์บอนจากการผลิตให้เหลือน้อยที่สุด OKEA ดำเนินธุรกิจจากการวิจัยเป็นฐาน โดยมีสำนักงานใหญ่ในเมืองทรอนด์เฮมช่วยให้เกิดความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Norwegian University of Science and Technology (NTNU) และ SINTEF หนึ่งในองค์กรวิจัยอิสระที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และบริษัทยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อการวิจัยที่มุ่งลดการปล่อยมลพิษในการผลิต

กลุ่มบางจากเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ใน OKEA โดยถือหุ้นจำนวน 45.7% และมีนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก เป็นประธานคณะกรรมการบริษัท OKEA ปัจจุบัน หุ้นของ OKEA ASA จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสโลภายใต้สัญลักษณ์ OKEA โดยในปี 2021 OKEA ได้กำหนดกลยุทธ์การลดการปล่อยคาร์บอนฯ ของสินทรัพย์ที่ดำเนินการในการผลิต สะท้อนถึงความตั้งใจของบริษัทในการสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ในปี 2030 กำหนดโดยอุตสาหกรรมในนอร์เวย์


กำลังโหลดความคิดเห็น