“จุรินทร์” วางแผนร่วมผู้บริหารพาณิชย์ ทูตพาณิชย์ 58 ประเทศทั่วโลก และภาคเอกชน เตรียมลุย 530 กิจกรรม เจาะเมืองรอง 105 เมือง ใน 36 ประเทศ ตั้งเป้าทำรายได้เข้าประเทศอีกไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท เอกชนขอบคุณช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือ เผยวันนี้ตู้เพิ่ม 12% ค่าระวางลง 50% เล็งชงกรมเจ้าท่าต่ออายุเรือใหญ่เทียบท่าอีก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึก ครึ่งหลังปี 2565 ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ใน 58 สำนักงาน 42 ประเทศ และภาคเอกชน ว่า เป็นการประชุมติดตามการดำเนินกิจกรรมขับเคลื่อนการส่งออกในช่วงครึ่งหลังปี 2565 หลังจากที่ได้มอบนโยบายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไปปรับกิจกรรมร่วมกับทูตพาณิชย์ ทำให้มีกิจกรรมเพิ่มมาอีก 345 กิจกรรม บวกกับกิจกรรมเดิมที่มีอยู่ 185 กิจกรรม รวมเป็น 530 กิจกรรม เช่น การเร่งรัดทำ Mini-FTA กับเมืองและมณฑล การส่งเสริมการค้าออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจ การนำซอฟต์เพาเวอร์ใส่สินค้าและบริการของไทย การให้ความสำคัญการส่งเสริมสินค้า BCG การเร่งรัดการเดินหน้าตามนโยบายรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่า
ทั้งนี้ ยังมีมาตรการเจาะตลาดเมืองรอง จากที่เน้นการเจาะเมืองหลักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเมืองรองมีเป้าหมายชัดเจนจะเจาะทั้งหมด 105 เมือง ใน 36 ประเทศ และจะเจาะตลาดสินค้าชนิดใหม่เพิ่มเติม เช่น สินค้าก่อสร้าง และบริการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เจาะตลาดซาอุดีอาระเบีย ที่มีนโยบายสร้างเมืองใหม่ สินค้าฮาลาล เจาะตะวันออกกลาง และจีนที่มณฑลกานซู่ ที่มีชาวมุสลิมจำนวนมาก และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่เป็นสินค้าดาวเด่น จะเจาะตลาดยุโรป เป็นต้น โดยกิจกรรมที่เพิ่มเข้ามานี้ ได้ตั้งเป้าหมายจะช่วยเพิ่มรายได้ และทำเงินเข้าประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมี่นล้านบาท จะเป็นตัวที่เข้าไปเสริมเป้าหมายทั้งปี 9 ล้านล้านบาท
นายจุรินทร์กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ภาคเอกชนยังได้ขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเร่งรัดตัวเลขส่งออกและการแก้ปัญหาการส่งออก โดยมีรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุด คือ การแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนและค่าระวางเรือมีราคาสูงมาก วันนี้เอกชนรายงานให้ทราบว่าสามารถร่วมมือกันแก้ปัญหาคอนเทนเนอร์ขาดลงได้แล้ว เฉพาะ 6 เดือนของปีนี้ ตู้คอนเทนเนอร์มีให้ใช้ส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 12% และค่าระวางเรือปรับลดลงจาก 15,000-20,000 เหรียญสหรัฐ ลดลงมาเหลือ 7,000-10,000 เหรียญสหรัฐ ลดลงมาประมาณ 50% ทำให้การส่งออกมีความคล่องตัวขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้แก้ปัญหาด้วยการเปิดโอกาสให้เรือใหญ่มาเทียบท่าที่แหลมฉบังได้ ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมให้มีพื้นที่ระวางสินค้าเหลือ และส่งออกได้มากขึ้น โดยกรมเจ้าท่าได้ออกประกาศให้เรือใหญ่เทียบท่าได้ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 2564 มีอายุ 2 ปี ซึ่งที่ประชุมจะขอความร่วมมือจากกรมเจ้าท่าต่ออายุไปอีก เพราะจะมีส่วนช่วยให้การส่งของไทยคล่องตัวขึ้น มีพื้นที่เรือขนสินค้าไทยไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น