“พาณิชย์” ยันไม่อนุมัติให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใดปรับขึ้นราคา เตรียมใช้วิน-วิน โมเดลพิจารณา ยึดหลักผู้ผลิตอยู่ได้ ผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมย้ำหากผู้ประกอบการ ร้านค้า ฉวยโอกาสกักตุน ขึ้นราคาจำหน่าย มีโทษหนัก จำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หากไม่ปิดป้ายราคา ปรับ 1 หมื่นบาท
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 5 รายแถลงข่าวร่วมกันขอให้กรมฯ พิจารณาอนุญาตให้ปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาดมาตรฐาน จากซองละ 6 บาท เป็นซองละ 8 บาท เนื่องจากภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น ว่า การพิจารณาอนุญาตปรับราคาจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะพิจารณาเป็นรายๆ โดยอยู่บนหลักการวิน-วิน โมเดล ที่ผู้ประกอบการต้องยังคงผลิตและจำหน่ายต่อไปได้ ผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายสั่งการไว้แล้ว
ทั้งนี้ กรมฯ ได้รับทราบและติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่าต้นทุนบางรายการมีการปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนด้านพลังงานที่เป็นทั้งต้นทุนทางตรงและทางอ้อม รวมถึงวัตถุดิบหลัก เช่น แป้งสาลี ก็มีการปรับเพิ่มขึ้น เป็นผลสืบเนื่องจากทั้งปัญหาโควิด-19 และวิกฤตด้านพลังงาน และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และปัจจุบันยังไม่มีการอนุญาตให้ปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ตรึงราคาเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพมาโดยตลอด ซึ่งกรมฯ ขอขอบคุณในความร่วมมือมาเป็นอย่างดี
นายวัฒนศักย์กล่าวว่า หากพบว่าผู้ประกอบการ ห้างร้าน ร้านค้าต่างๆ รายใด มีการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าราคาแพงเกินสมควรหรือกักตุนสินค้า จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการจำหน่ายสินค้าไม่ว่าจะช่องทางใดต้องแสดงราคาอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมฯ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศจะได้มีการเพิ่มความเข้มข้นในการติดตามการจำหน่ายสินค้ายิ่งขึ้น หากพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ