บริษัทตั้งใหม่ มิ.ย. 65 มีจำนวน 6,661 ราย เพิ่มขึ้น 9% ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร โตติดอันดับ 3 ต่อเนื่อง 5 เดือน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และเปิดประเทศ ส่วนยอดเลิก 1,463 ราย เพิ่ม 40% รวมครึ่งปีตั้งใหม่ทะลุ 4 หมื่นราย เลิก 6 พันราย คาดครึ่งปีหลังยังดี ทั้งปีตั้งใหม่ 7-7.5 หมื่นราย
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือน มิ.ย. 2565 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 6,661 ราย เทียบกับ พ.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 13% และเทียบกับ มิ.ย. 2564 เพิ่มขึ้น 9% เป็นการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 20,744.36 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,463 ราย เมื่อเทียบกับ พ.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 33% เทียบกับ มิ.ย. 2564 เพิ่มขึ้น 40% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจำนวน 5,168.37 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสารจำนวน
ทั้งนี้ ยอดรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่ 6 เดือนปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวน 40,301 ราย ลดลง 2% แต่ก็ยังถือว่าสอดคล้องกับที่กรมฯ ประเมินไว้ว่าครึ่งปีจะมียอดตั้งใหม่ประมาณ 40,000 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 280,604.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% และยอดเลิกกิจการ รวม 6,009 ราย เพิ่มขึ้น 22% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 58,511.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92%
นายทศพลกล่าวว่า แนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ยังปรับตัวดีขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนเริ่มมีการฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ หลังเริ่มความคลายกังวลต่อโควิด-19 ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของประชาชนเริ่มกลับสู่สถานการณ์ปกติ แต่อัตราการจดตั้งใหม่น่าจะน้อยกว่าช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ยอดจดตั้งใหม่ทั้งปีจะอยู่ในกรอบ 70,000-75,000 ราย
ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2565) จำนวน 842,632 ราย มูลค่าทุน 20.22 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 202,814 ราย คิดเป็น 24.07% บริษัทจำกัด จำนวน 638,470 ราย คิดเป็น 75.77% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,348 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ