โพลห่วงเปิดเสรีกัญชา กลัวเยาวชนเสพติด แต่เห็นด้วยใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

หอการค้าไทยเผยผลสำรวจนโยบายกัญชาเสรี พบคนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรี ห่วงใช้ในกลุ่มเด็ก เยาวชน เกิดการเสพติด อีกส่วนเห็นด้วย สามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ต้องมีการควบคุม คาดมูลค่าตลาดปี 65 อยู่ที่ 28,000 ล้าน อีก 3 ปีพุ่งเป็น 42,800 ล้าน สร้างรายได้ให้เกษตรกร 8 แสนถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนต่อนโยบายกัญชาเสรี จากกลุ่มตัวอย่าง 1,215 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 5-15 ก.ค.2565 พบว่า ส่วนใหญ่ถึง 75% จะไม่ซื้อหรือบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาที่มีวางขายทั่วไป เพราะยังกังวลผลข้างเคียง และขาดความรู้และมาตรฐานการผลิต รวมไปถึงกลัวการใช้เกินขนาด ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ 58.3% ยังไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรี เพราะห่วงการใช้กัญชาในกลุ่มเด็กและเยาวชน ก่อให้เกิดการเสพติด และการใช้เกินขนาดในยารักษาโรค ส่วนอีก 41.7% เห็นด้วยกับการเปิดเสรี เพราะจะเกิดประโยชน์ทางการแพทย์และสันทนาการ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และควรมีบทลงโทษที่รุนแรงเมื่อมีการทำผิดกฏในการใช้กัญชา รวมทั้งกำหนดขอบเขตของการเปิดเสรีให้ชัดเจน

“ผลสำรวจสะท้อนว่าประชาชนมีความกังวลเชิงลบ แต่ไม่ปฏิเสธว่ากัญชามีประโยชน์และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตสินค้า และเกษตรกร จึงต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปสนับสนุนให้ความรู้ ทำการวิจัย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เพราะปลายทางจะเกิดประโยชน์ทางการแพทย์ ทำยารักษาโรค และอาหารเพื่อสุขภาพ”นายธนวรรธน์กล่าว

สำหรับมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมกัญชา จากการประมาณการณ์พื้นที่เพาะปลูกกัญชง-กัญชา ล่าสุด ณ เดือนเม.ย.2565 พบว่า ไทยมีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 7,500 ไร่ มีมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ รวมกว่า 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ต้นน้ำมูลค่า 9,615 ล้านบาท ได้แก่ ช่อดอกแห้ง 8,123 ล้านบาท ใบแห้ง 1,128 ล้านบาท เมล็ด 140 ล้านบาท ส่วนอื่น ๆ 224 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์กลางน้ำ มูลค่า 14,690 ล้านบาท ได้แก่ สารสกัดเข้มข้น 12,410 ล้านบาท น้ำมันกัญชา น้ำมันกัญชง 1,383 ล้านบาท เส้นใยกัญชง 896 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ มูลค่า 3,750 ล้านบาท ได้แก่ ยารักษาโรคและอาหารเสริมมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท อาหารและเครื่องดื่ม 1,200 ล้านบาท เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล 800 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่มและของใช้ส่วนตัว 250 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะโต 10-15% ต่อปี และจะมีมูลค่าสูงถึง 42,800 ล้าน โดยผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจะเติบโตเร่งกว่าปัจจุบัน โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรสูงถึง 800,000 บาท ถึง 1.2 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี หรือเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี