สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำโดย ผศ. ดร. สุทธิกร กิ่งเเก้ว ผู้บริหารโครงการวิจัยเผยผลวิจัยเกี่ยวกับบริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแอปพลิเคชัน โดยได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีต่อ ประเด็นต่างๆ ทั้งประโยชน์ของบริการ ผลกระทบ ตลอดจนนโยบายของภาครัฐในการกำกับดูแลบริการ ดังกล่าว ผ่านการทำแบบสอบถามออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 411 คน รวมถึงการจัดสนทนา กลุ่มย่อย (โฟกัสกรุ๊ป) กับกลุ่มผู้ให้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ (ป้ายเหลือง) และ บุคคลทั่วไปที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน (ป้ายดำ) พร้อมนำเสนอแนวทางที่ภาครัฐควรนำมาพิจารณา ในการกำกับดูแลบริการดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดกับทุกภาคส่วน ทั้งคนขับ ผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ภาครัฐ ตลอดจนสังคมโดยรวมควบคู่ไปกับส่งเสริมการสร้างราย ได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในยุคยุคดิจิทัล
โดยผลการสำรวจระบุว่า
1. 60.83% ของกลุ่มตัวอย่าง เคยใช้บริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแอปพลิเคชัน โดยให้เหตุผลว่า บริการดังกล่าวมีประโยชน์ในหลายด้าน อาทิ
● 94.4% เห็นว่าบริการดังกล่าวช่วยสร้างความสะดวกสบายในการเดินทาง เพราะสามารถ เรียกจากที่ไหนหรือเวลาไหนก็ได้
● 84.8% ระบุว่าแอปเรียกรถมีความโปร่งใสในด้านราคา เพราะทราบค่าบริการล่วงหน้า ก่อนเรียกใช้บริการ
● 73.2% บอกว่าบริการนี้สะดวกในแง่ระบบการชำระค่าบริการ เพราะสามารถจ่ายแบบ ออนไลน์ ไม่ต้องใช้เงินสด
● 67.6% คิดว่าเป็นบริการที่ปลอดภัย เพราะแอปเรียกมีการคัดกรองที่เข้มงวด มีฐานข้อมูล คนขับ-ทะเบียนรถ สามารถตรวจสอบได้ และมีเทคโนโลยีติดตามการเดินทาง
● 62% เห็นว่าสามารถเดินทางข้ามเขตหรือพื้นที่ได้ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องจุดรับเหมือนกับวิน ที่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด
● 54.8% มองว่าบริการนี้ช่วยสร้างอาชีพเสริมให้กับบุคคลทั่วไปที่มีรถมอเตอร์ไซค์
● 46.4% เห็นว่าบริการนี้ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะมีส่วนลดจากโปรโมชัน และรีวอร์ดให้กับผู้ใช้
2. ต่อประเด็นที่หน่วยงานภาครัฐกำลังจะนำระบบวินมอเตอร์ไซค์มาใช้ในการกำกับดูแลบริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านแอป เช่น ให้รับ-ส่งได้เฉพาะในพื้นที่เท่านั้น คนขับมีใบขับขี่สาธารณะ หรือใช้ป้ายเหลืองเท่านั้น และมีระบบโควต้าจำกัดจำนวนผู้ให้บริการ พบว่า 69% ของผู้ที่เคยใช้บริการไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว● โดย 75% มองว่า ระบบวินมอเตอร์ไซค์มีข้อจำกัดในการให้บริการ ทั้งในเรื่องจุดรับ-ส่ง การไม่สามารถให้บริการข้ามเขตได้ ซึ่งไม่สะดวกและไม่ตอบโจทย์การเดินทางของ คนกรุงเทพฯ
● ขณะที่ 72% ระบุว่าการใช้ระบบโควต้าส่งผลให้มีการจำกัดจำนวนคนขับหรือรถ อาจทำ ให้มีรถมอเตอร์ไซค์ที่ให้บริการไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะใน ช่วงเวลาเร่งด่วน
● นอกจากนี้ 88% ยังบอกว่าการใช้ระบบโควต้าอาจนำพาไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น มาเฟียเสื้อวิน การโก่งราคา หรือการปิดกั้นโอกาสคนขับทั่วไปที่ต้องการจะเข้าสู่ระบบ ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม เป็นต้น
● ส่วนผู้ที่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวมีเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น โดย 91% ของคนกลุ่มนี้ เชื่อว่าระบบวินมีความปลอดภัยมากกว่าเพราะภาครัฐมีฐานข้อมูลของคนขับทุกคน ขณะที่ 75% คิดว่าระบบวินช่วยสร้างความมั่นใจเพราะเป็นระบบที่ถูกกฎหมาย
3. ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าหน่วยงานภาครัฐจะมีคำสั่งปิดแอปพลิเคชันเรียกรถมอเตอร์ไซค์ รับจ้างที่ให้บริการโดยบุคคลทั่วไปนั้น 94%ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว
● โดย 90%มองว่าเป็นการจำกัดทางเลือกของผู้ใช้บริการขณะที่ 81%เห็นว่าการดำเนินการเช่นนั้นสะท้อนถึงความล้าหลังของกฎหมายไทยที่ไม่สอดรับกับพฤติกรรมของ ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันและ 74%เชื่อว่าเป็นการปิดกั้นโอกาสทำกินและขัดต่อการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล
● ส่วนผู้ที่เห็นด้วยกับการออกคำสั่งให้ปิดแอปมีซึ่งมีเพียง 6%เท่านั้นโดยส่วนใหญ่ (73%)มองว่าเป็นการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้องขณะที่ 60%ไม่ต้องการถูกหักค่าธรรมเนียมการใช้บริการจากแอปและ 47%คิดว่าจะช่วยให้คนขับในระบบวินมีรายได้มากขึ้น
นอกจากประชาชนผู้ใช้บริการแล้วสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังได้สำรวจความคิดเห็นเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ให้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ (ป้ายเหลือง)และบุคคลทั่วไปที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน (ป้ายดำ)ผ่านการทำสนทนากลุ่มย่อย (โฟกัสกรุ๊ป)โดย
● กลุ่มผู้ให้บริการวินรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างระบุว่าบริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแอปได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทำให้เสื้อวินมีราคาถูกลงไปมากหลายวินเริ่มไม่เก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนอีกต่อไปทั้งนี้ในหลายพื้นที่คนขับวินก็เริ่มปรับตัวเพื่อให้บริการผ่านแอป ไม่ว่าจะเป็นบริการรับ-ส่งผู้โดยสาร รวมไปถึงบริการจัดส่งอาหารหรือขนส่งสินค้า-พัสดุโดยตัวแทนคนขับวินที่เข้าร่วมทำโฟกัสกรุ๊ปมองว่าการมีทั้งระบบวินและระบบเเอปเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันตอนนี้คนขับวินในหลายพื้นที่เริ่มยอมรับรถป้ายดำที่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารมากขึ้นเพียงแต่ต้องไม่มาทับพื้นที่กันในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารจำนวนมากเช่นบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT การมีวินประจำก็สะดวกต่อผู้โดยสารทำให้สามารถขึ้นวินต่อได้เลยขณะเดียวกันระบบเเอปก็ช่วยให้ผู้โดยสารที่อยู่ห่างจากวินหรืออยู่ในซอยลึกสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้นเพราะมีรถไปรับถึงที่ทุกเวลาดังนั้นทั้งสองระบบสามารถอยู่ร่วมกันได้เพราะช่วยเติมเต็มจุดเเข็งเเละเเก้ปัญหาจุดอ่อนของกันเเละกันเพื่อตอบสนองผู้ใช้บริการ
● ขณะที่กลุ่มบุคคลทั่วไปที่ให้บริการผ่านแอปให้ความเห็นว่าการมีระบบเเอปเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างช่วยสร้างรายได้ให้กับตัวเองเเละครอบครัวและสร้างความสะดวกอย่างมากให้กับผู้โดยสารและตอบโจทย์คนยุคนี้ทำให้มีจำนวนผู้เรียกใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งส่งผลให้มีคนขับเข้ามาในระบบเรียกรถผ่านเเอปมากขึ้นเช่นกันทั้งนี้อยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่มไม่เฉพาะกลุ่มวินโดยมองไปที่ประโยชน์ในภาพรวมหากจะมีการบังคับใช้กฎระเบียบใดๆเพื่อควบคุมบริการอยากให้คำนึงถึงผลกระทบและให้มีเวลาได้ปรับตัวเพราะไม่อยากสูญเสียรายได้โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่ข้าวยากหมากแพงแบบนี้หากมีการสั่งปิดแอปอย่างที่มีการรายงานข่าวจริงย่อมส่งผลกระทบและสร้างความลำบากให้กับคนจำนวนมาก
นอกจากนี้ ผศ.ดร.สุทธิกร กิ่งเเก้ว ยังได้นำเสนอแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการกำกับดูแลบริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแอปพลิเคชันในประเทศไทยโดยให้ทรรศนะว่า ในเเง่มุมของประโยชน์ทางเศรษฐกิจเเละสังคมโดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทัลเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีต่างๆที่นำมาประยุกต์ใช้ในสังคมได้ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้นสร้างโอกาสทางธุรกิจเกิดเป็นอุตสาหกรรมใหม่ๆและสร้างการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมแม้ปัจจุบันกฎหมายหรือข้อบังคับบางอย่างอาจจะไม่รองรับต่อความเปลี่ยนเเปลงของโลกเเต่สิ่งที่ภาครัฐควรทำคือการปรับปรุงเเก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้ทุกภาคส่วนของประเทศสามารถใช้ประโยชน์ได้จากเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ได้
“ในกรณีของการบริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแอปพลิเคชันนั้นส่วนตัวมองว่าภาครัฐไม่ควรที่จะเดินถอยหลังเข้าไปเปลี่ยนเเปลงในสิ่งที่ดีอยู่เเล้วโดยนำกฎหมายที่ถูกร่างขึ้นในยุคสมัยเดิมบังคับใช้กับเรื่องในปัจจุบันโดยไม่ได้พิจารณาถึงสภาพเเวดล้อมทางเศรษฐกิจเเละสังคมที่เปลี่ยนเเปลงไปเช่นภาครัฐไม่ควรเข้าไปกำหนดหรือบังคับห้ามไม่ให้คนขับป้ายดำต้องหยุดการให้บริการในทางกลับกันภาครัฐควรที่จะช่วยให้คนขับเหล่านี้สามารถให้บริการได้อย่างถูกกฎหมายโดยมีแผนหรือกระบวนการต่างๆรองรับซึ่งอาจจะทำในรูปแบบที่ค่อยเป็นค่อยไปโดยทยอยปรับกฎระเบียบให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและอนุโลมให้รถป้ายดำสามารถวิ่งรับ-ส่งในระบบเเอปได้ไปก่อนจนกว่าทุกฝ่ายจะตกลงหาทางออกกันได้อย่างชัดเจนขณะเดียวกันก็ควรหาทางส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กลุ่มคนขับวินโดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือกลุ่มที่ตามไม่ทันเทคโนโลยีสามารถปรับตัวเพื่อใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้จะได้มีรายได้เสริมและก้าวทันเศรษฐกิจดิจิทัล”.