“พาณิชย์”เผยคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ไฟเขียวคนต่างชาติลงทุนในไทยเดือน พ.ค.65 จำนวน 19 ราย นำเงินเข้า 1,318 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 753 คน และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เป็นจำนวนมาก
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้รายงานว่า เดือนพ.ค.2565 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 19 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และหมู่เกาะเคย์แมน มีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจ 1,318 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 753 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน ทั้งนี้ มีการลงทุนผ่านหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 22 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 18,695 ล้านบาท
สำหรับการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการสำหรับการจัดการโปรแกรมประยุกต์สำหรับองค์กรธุรกิจ (Multiverse Platform) และองค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ในการขยายหลอดเลือด เป็นต้น
ส่วนธุรกิจที่ได้รับอนุญาต พบว่า เป็นธุรกิจที่นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ อันจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เช่น บริการการชำระเงินภายใต้การกำกับในประเภทการให้บริการรับชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับองค์กรธุรกิจ (Enterprise Software) และสารสนเทศที่มีรูปแบบดิจิทัล (Digital Content) บริการพัฒนาและให้บริการซอฟต์แวร์ด้านวิเคราะห์และเชื่อมโยง เพื่อบริหารจัดการข้อมูล Big Data, Data Analytics รวมถึง Predictive Analytics บริการรับจ้างผลิต Integrated Circuit (IC) บริการขุดเจาะปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย เป็นต้น
ทางด้านการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในเดือนพ.ค.2565 นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 12 ราย คิดเป็น 29% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มีเงินลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 15,162 ล้านบาท คิดเป็น 81% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 5 ราย ลงทุน 13,782 ล้านบาท สิงคโปร์ 3 ราย ลงทุน 348 ล้านบาท และเนเธอร์แลนด์ 1 ราย ลงทุน 700 ล้านบาท ส่วนธุรกิจที่ลงทุน เช่น 1.บริการรวบรวม จัดเก็บ จัดส่งและประมวลผลข้อมูล การประสานงาน รวมถึง การควบคุมการใช้งานสินค้า 2.บริการประกอบติดตั้งชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ 3.บริการรับจ้างผลิตกล้องถ่ายรูปดิจิทัล (Digital Camera) ชุดเลนส์ (Camera Lens) และชิ้นส่วนสำหรับกล้องถ่ายรูปดิจิทัล เป็นต้น