ผู้จัดการรายวัน 360 - ดีเคเอสเอชปรับกลยุทธ์รุกทำตลาดแฟชั่นแบรนด์ในไทย ชูโมเดลขอเป็นไลเซนส์ซึ่งได้สิทธิ์ทั้งผลิต ออกแบบ และจัดจำหน่าย ล่าสุดคว้าไลเซนส์ ยีนส์ลีคูเปอร์ กับแบรนด์มอสซิโมในไทย และกัมพูชา
นายปีเตอร์ ฮอร์นบี รองประธานฝ่ายบริหารธุรกิจค้าปลีก บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ในประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดสินค้าแฟชั่นอินเตอร์เนชันแนลแบรนด์ โดยจะใช้วิธีการขอไลเซนส์หรือลิขสิทธิ์เพื่อการจัดจำหน่ายและการผลิตสินค้าในประเทศไทยด้วย แทนวิธีเดิมที่เป็นเพียงดิสทริบิวเตอร์หรือผู้จัดจำหน่ายเท่านั้น วิธีนี้จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงในรอบกว่า 30 ปีของดีเคเอสเอชในไทยก็ว่าได้
ล่าสุดนำร่องกับสองแบรนด์ดังเสื้อผ้าของไอคอนิกซ์ แบรนด์ กรุ๊ป (Iconix Brand Group) คือ ยีนส์ลีคูเปอร์ (Lee Cooper) ของประเทศอังกฤษ และแบรนด์มอสซิโม (Mossimo) ของประเทศอเมริกา ซึ่งเริ่มทำตลาดในเมืองไทยแล้วตั้งแต่ต้นปี 2565 นี้ โดยบริษัทได้รับไลเซนส์ทั้งผลิตและจำหน่ายในตลาดประเทศไท ยและกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตทางไอคอนิกซ์ แบรนด์ กรุ๊ป มีแผนที่จะนำแบรนด์อื่นในเครือที่มีอยู่มากมายเข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มอีกก็อาจจะใช้วิธีดังกล่าวนี้เช่นกัน
โมเดลดังกล่าวมีความยืดหยุ่นในการทำตลาดและผลิตได้มากกว่ารูปแบบเดิม กล่าวคือ บริษัทฯสามารถรักษาฐานการผลิตที่มีอยู่เดิมได้เพื่อนำมาผลิตแบรนด์ใหม่นี้ และผลิตได้ตรงความต้องการของผู้บริโภคคนไทย เพราะสามารถออกแบบและพัฒนาสินค้าเลือกเนื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศในไทยที่ร้อน ไม่ใช่ต้องนำเข้ามา 100% เหมือนอย่างอดีต จึงตอบโจทย์ตลาดในประเทศได้เป็นอย่างดี และยังลดต้นทุนทางด้านภาษีนำเข้าได้ด้วย จากปกติที่อยู่ในเกณฑ์ 5%-30%
ปัจจุบันนี้ทั้งสองแบรนด์ได้ทำตลาดและจัดจำหน่ายแล้วต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเปิดจุดจำหน่ายรวมกันแล้วทั้งสองแบรนด์มากกว่า 71 จุดจำหน่าย ทั้งแบบชอปอินชอปและแบบเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า และมีเป้าหมายที่จะขยายเพิ่มอีกอย่างต่ำ 10 จุดจำหน่ายในปีนี้
ทั้งนี้ ยีนส์ลีคูเปอร์จะปรับการออกแบบให้เข้ากับคนไทยมากขึ้นทั้งขนาด ความต้องการและเนื้อผ้าที่ตัดเย็บ มีการจัดจำหน่ายในรูปแบบออมนิแชนเนล ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ จะมีสัดส่วนทางออนไลน์เพิ่มเป็น 20% จากขณะนี้มี 5% ลีคูเปอร์จะมีราคาจำหน่ายในไทยที่ต่ำกว่าผู้นำตลาดประมาณ 20%-25% ยังร่วมมือกับบรรดาคาแรกเตอร์แบรนด์ระดับโลกและร่วมกับศิลปินดังๆ ทั้งไทยและอินเตอร์ออกแบบคอลเลกชันยีนส์ร่วมกันด้วย คาดว่าจะทำให้ยีนส์ลีคูเปอร์ก้าวขึ้นมาติดท็อปทรีได้ภายในเวลา 3-5 ปี จากปัจจุบันที่ลีคูเปอร์ติดอันดับท็อปไฟว์ในตลาดเดนิมในไทยที่มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท
ส่วนอีกแบรนด์คือ มอสสิโม ซึ่งเป็นเสื้อผ้าและสินค้าไลฟ์สไตล์สตรีทแวร์จากอเมริกา ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 500-3,000 บาท
“หลังจากที่ทำตลาดได้เต็มที่ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะทำยอดขายรวมทั้งสองแบรนด์นี้ได้ถึง 3,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีจากนี้ และสามารถทดแทนรายได้เดิมจากการจำหน่ายยีนส์ดังแบรนด์เดิมที่่หมดสัญญาไปก่อนหน้านี้” นายปีเตอร์กล่าว