บริษัทตั้งใหม่ เม.ย. 65 จำนวน 5,376 ราย ลด 10% เหตุเดือนนี้วันทำการน้อย ติดหยุดเทศกาล เผยธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ยังฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ติดอันดับ 3 ติดต่อกัน 3 เดือน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และเปิดประเทศ ส่วนยอดเลิก 850 ราย เพิ่ม 39% คาดแนวโน้มยังดี ชี้ผลกระทบสงคราม เงินเฟ้อ โควิด-19 ปัจจัยเสี่ยง
นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนเม.ย. 2565 ผ่านเฟซบุ๊ซไลฟ์ DBD Pubilc Relations ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 5,376 ราย เทียบกับมี.ค. 2565 ลดลง 25% และเทียบกับ เม.ย. 2564 ลดลง 10% ซึ่งถือเป็นปกติของทุกปีที่การจดตั้งใหม่ในเดือน เม.ย. จะมีจำนวนน้อยที่สุดในรอบปี เนื่องจากวันทำการน้อยกว่าเดือนอื่นๆ จากช่วงวันหยุดเทศกาลของไทย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 171,105.77 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 850 ราย เมื่อเทียบกับ มี.ค. 2565 ลดลง 8% เทียบกับ เม.ย. 2564 เพิ่มขึ้น 39% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจำนวน 9,110.66 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร
สำหรับแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในระยะต่อไป คาดว่าผลของการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมาเพิ่มเติม จะช่วยให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว โรงแรม การค้าขาย ภัตตาคาร ร้านอาหาร มีการฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังต้องระวังสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และมาตรการคว่ำบาตร ที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิต การค้า การขนส่ง ทำให้ต้นทุนสินค้าและบริการสูงขึ้น มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหลายประเทศ รวมถึงการสูงขึ้นของราคาพลังงาน เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากโควิด-19 อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ได้
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ยังคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ประมาณที่ 40,000-42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000-75,000 ราย
ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 เม.ย. 2565) จำนวน 833,124 ราย มูลค่าทุน 19.83 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 201,500 ราย คิดเป็น 24.19% บริษัทจำกัด จำนวน 630,282 ราย คิดเป็น 75.65% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,342 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ