ไทยร่วมประชุมคณะกรรมการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียน แลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าอาหารสำคัญ 4 ชนิด “ข้าว ข้าวโพด น้ำตาล และถั่วเหลือง” เพื่อประเมินความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค และการเตรียมการรับมือ หลังเผชิญความท้าทายจากโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมฯ ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Food Security Reserve Board : AFSRB) ผ่านการประชุมทางไกล ร่วมกับอาเซียน 8 ประเทศ ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสถานการณ์สินค้าอาหารสำคัญ และประเมินสถานการณ์ความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคที่เผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย–ยูเครนที่ส่งผลกระทบต่ออุปทานอาหารทั่วโลก
“อาเซียนได้มีการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์อาหารสำคัญของอาเซียน 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด น้ำตาล และถั่วเหลือง รวมทั้งคาดการณ์ผลผลิต การบริโภค การค้า และปริมาณสำรองอาหารของภูมิภาคและของโลก อีกทั้งยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าข้าว เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจส่งผลต่อปริมาณอุปทานสินค้าอาหารในภูมิภาคอาเซียน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เป็นความท้าทายต่อความมั่นคงทางอาหารครั้งใหญ่ของโลก”
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบกรอบนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน (AIFS) และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน (SPA-FS) ปี 2564–2568 จากสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเตรียมพร้อมรับมือกับปัจจัยความท้าทายต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว และเพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรในภูมิภาคอาเซียนให้ดีขึ้น
สำหรับการประชุม AFSRB เป็นกลไกความร่วมมือสำคัญของสมาชิกอาเซียนในการเตรียมพร้อมรับมือและติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงทางอาหาร เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารในระดับภูมิภาค โดย AFSRB ได้จัดตั้งขึ้นภายใต้ความตกลงว่าด้วยการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียนที่ได้มีการลงนามเมื่อปี 2522 เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงด้านอาหารภายในภูมิภาค ซึ่งประเทศสมาชิกจะประชุมร่วมกันเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งประเมินและคาดการณ์สถานการณ์อาหารของภูมิภาคอาเซียนและของโลก ตลอดจนติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความมั่นใจถึงความมั่นคงด้านอาหาร โดยในปี 2566 อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม AFSRB ครั้งที่ 43 ต่อไป