“สินิตย์” เปิดงานติวเข้มโชวห่วย จ.กาญจนบุรี เป็นสมาร์ทโชวห่วย เสริมแกร่งองค์ความรู้ เปิดให้ศึกษาดูการจัดร้านค้าต้นแบบเพื่อนำไปปรับใช้ดึงดูดลูกค้า พร้อมช่วยเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อเกื้อกูลกันทำธุรกิจ แนะต้องปรับตัวรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง มุ่งสู่ออนไลน์ ใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วย
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนา “ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย สู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย” ณ ทีเอ็มเค พาร์ค อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ว่า การจัดงานในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการร้านโชวห่วยรายย่อย และให้ศึกษาดูรูปแบบการจัดร้านค้า เพื่อเป็นต้นแบบในการนำกลับไปจัดร้านค้าของตนเองให้มีความสวยงาม สะอาด เลือกหาสินค้าได้สะดวก และลูกค้ารู้สึกสบายใจ สบายตา ในการเข้ามาเลือกซื้อสินค้า ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้ธุรกิจท้องถิ่นของไทยมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น
สำหรับสาระสำคัญของการสัมมนาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. การบรรยายให้ความรู้หัวข้อก้าวถูกทิศพิชิตยอดขาย เปิดมุมมองใหม่ให้โชวห่วยไทยสุดสมาร์ท โดยผู้ประกอบการจะได้ทราบถึงทิศทางของธุรกิจโชวห่วยและโอกาสจากวิกฤตโควิด-19 ในการประกอบธุรกิจ รวมถึงการปรับเปลี่ยนร้านโชวห่วยธรรมดาให้เป็นร้านสมาร์ทโชวห่วย ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญในการดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาซื้อสินค้าภายในร้านและร้านค้ามีระบบการบริหารจัดการที่ดีช่วยลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ 2. กิจกรรมส่งเสริมการขายและเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการ เน้นการบริหารจัดการร้านค้าโดยนำเทคนิคและวิธีการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายหรือการจัดโปรโมชันต่างๆ มาช่วยขยายตลาด เพิ่มยอดขาย และดึงดูดผู้บริโภค ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการค้าส่ง-ปลีก ทั้งภายในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดข้างเคียง เพื่อให้เกิดความหลากหลายของพันธมิตร โดยคาดหวังว่าในอนาคตจะเกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลกันทางธุรกิจ
ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการค้าส่ง-ปลีกทั้งรายย่อยและรายใหญ่ที่เข้าร่วมสัมมนา ทำให้ทราบว่า ความเข้มแข็งของธุรกิจที่เกิดขึ้นเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ที่ถือคติร่วมกันว่า ต้องเติบโตไปด้วยกัน เพื่อส่งเสริมให้กิจการรุ่งเรืองไปพร้อมกัน โดยไม่ได้มองธุรกิจประเภทเดียวกันเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แต่มองว่าเป็นพันธมิตรที่จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้ธุรกิจทั้งระบบมีความแข็งแกร่ง ซึ่งไม่เพียงจะเกิดเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจเฉพาะใน จ.กาญจนบุรีเท่านั้น แต่รวมถึงการสานสัมพันธ์กับพันธมิตรเครือข่ายข้ามจังหวัดที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ และการค้าที่คล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถ่ายทอดประสบการณ์การดำเนินธุรกิจที่มีความหลากหลาย สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาประยุกต์เพื่อปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจของตนเองได้อย่างลงตัว ส่งผลให้การประกอบการธุรกิจไม่โดดเดี่ยวเดียวดาย แต่มีพันธมิตรที่พร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลและส่งเสริมสนับสนุนให้ธุรกิจมีความก้าวหน้าต่อไป
“ความท้าทายของธุรกิจโชวห่วยไทย ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ปัจจุบันนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ผู้ประกอบการโชวห่วยจึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัว โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการร้านค้า ขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ซ) ผลักดันร้านโชวห่วยให้เป็นร้านสมาร์ทโชวห่วย โดยผู้ประกอบการต้องเข้าสู่โลกดิจิทัล เพื่อเรียนรู้และซึมซับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ รวมถึงเพื่อรองรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐที่มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกประชาชน เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น ผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการคนละครึ่ง ที่คาดว่าจะมีออกมาต่อเนื่อง” นายสินิตย์กล่าว
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย. 2565) จ.กาญจนบุรีมีผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกโชวห่วยขนาดกลาง (นิติบุคคล) จำนวน 3,698 ร้านค้า และธุรกิจค้าปลีกโชวห่วยขนาดเล็กประมาณ 6,000 ร้านค้า