ผู้จัดการรายวัน 360 - ‘ทีวี ไดเร็ค’ หรือ TVD เดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ปรับโครงสร้างธุรกิจ เร่งขยายธุรกิจ Business Technology Outsourcing (BTO) ให้บริการด้านเทคโนโลยีผ่านบริษัทในเครือ ปั้นบริการ “ดาต้าเซ็นเตอร์-ซอฟต์แวร์เซอร์วิส-ไอทีเซอร์วิส” เป็นหัวหอกสร้างการเติบโต วางแผนลงทุนเหมืองขุดเงินดิจิทัล หวังเป็น New S-Curve วางเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้าภายนอกเป็น 50% และขยับอัตรากำไรขั้นต้น
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่า ได้เร่งปรับโครงสร้างธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้เพื่อทรานส์ฟอร์มองค์กรให้กลับมาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมรับมือกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยการรุกขยายธุรกิจและบริการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ ผ่านการดำเนินงานภายใต้บริษัท เอบีพีโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ TVD ถือหุ้นใหญ่กว่า 70% เพื่อนำ TVD เติบโตอย่างมีศักยภาพและขยายฐานรายได้จากธุรกิจอื่นๆ นอกจากธุรกิจทีวีโฮมชอปปิ้ง
ทั้งนี้ มองว่าการดำเนินธุรกิจ Business Technology Outsourcing (BTO) หรือการให้บริการด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจภายใต้บริษัท เอบีพีโอ จำกัด เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในปีนี้ เนื่องจากจะได้รับผลดีจากการที่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ ต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
นายณัฐวุฒิ นวลฉวี หัวหน้าสายงานธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท เอบีพีโอ จำกัด ในเครือ TVD กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ BTO มีผลิตภัณฑ์และบริการหลักแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) ซอฟต์แวร์เซอร์วิส ได้แก่ การให้บริการด้านซอฟต์แวร์และพัฒนาแอปพลิเคชันตามความต้องการของลูกค้าแต่ละองค์กร เช่น บริการระบบการขายสินค้า (Point of Sale หรือ POS), พัฒนาโมบายล์แอปพลิเคชัน 2) ดาต้าเบส เซอร์วิส ได้แก่ การให้บริการจัดระบบและบริหารจัดการคลังข้อมูลและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Warehouse & Big Data Management)
3) ดาต้า เซ็นเตอร์ เซอร์วิส ได้แก่ การให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและระบบคลาวด์ 4) ไอที เซอร์วิส ได้แก่ การให้บริการเช่าคอมพิวเตอร์และวางระบบโครงข่ายไอทีและความปลอดภัย และ 5) บริการ PDPA Compliance ได้แก่ บริการวิเคราะห์ช่องว่างที่จะช่วยเหลือการดำเนินธุรกิจของลูกค้าองค์กรให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) โดยการให้คำปรึกษา และให้บริการจัดทำกระบวนการควบคุมและดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามมาตรฐาน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาซอฟต์แวร์เชื่อมต่อข้อมูลส่วนบุคคล คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้
“จุดเด่นด้านธุรกิจ BTO คือ เรามีความยืดหยุ่นในการให้บริการแก่ลูกค้าในราคาและคุณภาพมาตรฐานที่สามารถแข่งขันได้ เช่น บริการไอทีเซอร์วิส ซึ่งเราให้เช่าคอมพิวเตอร์ในราคาเริ่มต้นเพียง 700 บาทต่อเดือนเท่านั้น จากทั่วไปเริ่มต้นที่เดือนละกว่า 1,000 บาท นอกจากนี้เรายังมีบริการที่ครอบคลุมสามารถตอบสนองความต้องการด้านเทคโนโลยีไอทีได้อย่างหลากหลาย” นายณัฐวุฒิกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 จะมุ่งเน้นการเติบโตจากบริการหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ “ซอฟต์แวร์ เซอร์วิส” จะขยายฐานลูกค้าภายนอกเพื่อให้บริการออกแบบและพัฒนาโมบายล์แอปพลิเคชันจากปัจจุบัน 3 ราย เป็น 5 ราย
“ดาต้า เซ็นเตอร์ เซอร์วิส” จะขยายฐานลูกค้าภายนอกเพิ่มขึ้น และ “ไอที เซอร์วิส” จะขยายการให้บริการเช่าคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นอีก 20% จากปัจจุบันที่มีพอร์ตให้เช่าแก่ลูกค้าที่เป็นบริษัทในเครือ TVD กว่า 1,000 เครื่อง และลูกค้าภายนอกกว่า 800 เครื่อง
ทั้งนี้ ได้วางแผนขยายธุรกิจสู่การทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล (Crypto Mining) เฟสแรก จำนวนไม่เกิน 20 เครื่อง ใช้งบลงทุนเครื่องละประมาณ 750,000 บาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 15 ล้านบาท โดยเตรียมขออนุมัติงบลงทุนในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้และมีระยะเวลาคืนทุนภายใน 12-16 เดือน ซึ่งหากการดำเนินงานเป็นไปตามแผนเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve ของกลุ่มธุรกิจ BTO
จากแผนงานดังกล่าว กลุ่มธุรกิจ BTO มีเป้าหมายเพิ่มรายได้จากลูกค้าภายนอก จากปัจจุบันมีสัดส่วนเกือบ 20% ต้องการจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ได้วางกลยุทธ์ร่วมมือกับพันธมิตรหรือพาร์ตเนอร์รายใหม่เพื่อขยายผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งนับจากปลายปีที่ผ่านมาได้พันธมิตรใหม่แล้ว 2 ราย เช่น การเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น และคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงกับพันธมิตรใหม่อีก 1-2 รายในปีนี้