“พาณิชย์”เผยตั้งบริษัทใหม่ใน 4 จังหวัดท่องเที่ยวภาคใต้ฟื้นตัวจากมาตรการผ่อนคลายของรัฐ มียอดจดใหม่ไตรมาสแรกปี 65 จำนวน 1,216 ราย เพิ่ม 51.62% ภูเก็ตนำโด่ง ตามด้วยสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา ระบุธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ก็ฟื้นตัวขึ้นด้วย ทั้งภัตตาคารและร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด สปา ธุรกิจให้บริการท่องเที่ยว
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจในพื้นที่ 4 จังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และเป็นจังหวัดที่ได้รับการสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ พบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) มีผู้ประกอบการได้จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่เพิ่มขึ้น มีจำนวน 1,216 ราย เพิ่ม 51.62% โดยจังหวัดภูเก็ต มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่มากที่สุดถึง 613 ราย เพิ่มขึ้น 82% มูลค่าทุนจดทะเบียน 1,666.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102% รองลงมา คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดตั้ง 450 ราย เพิ่มขึ้น 35% ทุน 977.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จังหวัดกระบี่ จัดตั้ง 110 ราย เพิ่มขึ้น 17% ทุน 178.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% และจังหวัดพังงา จัดตั้ง 43 ราย เพิ่มขึ้น 16% ทุน 66.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%
“ปกติช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.ของทุกปี เป็นช่วงฤดูร้อนของไทย และเป็นช่วงเวลาที่ได้รับความนิยม หรือ High Season ภาคการท่องเที่ยวทั้งของชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามอย่างภาคใต้ แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคธุรกิจต่างได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น แต่ปี 2565 รัฐได้ผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ลง และส่งเสริมภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ส่งผลให้การท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจภาคบริการ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง”นายสินิตย์กล่าว
นายสินิตย์กล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้วิเคราะห์ธุรกิจอื่น ๆ ในจังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว ได้แก่ 1.ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร 2.ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด 3.ธุรกิจสปา 4.ธุรกิจที่ให้บริการสำรองการท่องเที่ยว เช่น การให้บริการเช่ารถและตั๋วเครื่องบิน พบว่า ไตรมาสแรกปี 2565 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในภาพรวมมีการเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร มีอัตราการเพิ่มขึ้น 83% ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด เพิ่มขึ้น 169% ธุรกิจสปา เพิ่มขึ้น 100% และธุรกิจที่ให้บริการสำรองการท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น 400%
ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวและประเทศอย่างชัดเจน ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และการปรับปรุงมาตรการ Test & Go สำหรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ จะเป็นสัญญาณบ่งชี้หนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของภาคธุรกิจไทยที่มีการปรับตัวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังจะเป็นการตอบรับแนวทางในการปรับโรคโควิด-19 ให้กลายเป็นโรคประจำถิ่นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 อีกทางหนึ่งด้วย