กรมรางเร่งแก้จุดตัดทางรถไฟสายใต้ 857 แห่ง วางแผนแม่บทช่วง "กรุงเทพฯ-ชุมพร" เหลือเคลียร์อีก 32 แห่ง เร่งติดตั้งเครื่องกั้น เครื่องหมายจราจร ยกระดับความปลอดภัยรองรับรถไฟทางคู่
กรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผนถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาจุดตัดทางถนนและทางรถไฟว่า ขร.ได้ร่วมกับกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ในการเร่งรัดผลักดันการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ โดยเป็นการร่วมกันจัดทำโครงการศึกษาเพื่อลดอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการเสริมสร้างความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุจากปัญหาการจราจรบนโครงข่ายถนน
ที่ผ่านมา ขร.ได้มีการลงพื้นที่สำรวจศึกษาจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ ซึ่งจากโครงข่ายรถไฟที่พาดผ่าน 47 จังหวัดในปัจจุบันพบว่ามีจุดตัดทางรถไฟทั้งสิ้นจำนวน 2,975 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นจุดตัดเสมอระดับ 1,510 แห่ง จุดตัดต่างระดับ 621 แห่ง และทางลักผ่าน 626 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นจุดตัดที่ยกเลิกไปแล้วทั้งสิ้น 218 จุด
สำหรับเส้นทางสายใต้ ซึ่งมีทางรถไฟผ่านทั้งสิ้น 13 จังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่กรุงเทพมหานคร ณ ชุมทางสถานีรถไฟบางซื่อ ผ่านจังหวัดนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และไปสุดปลายทางที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มีจุดตัดทั้งสิ้น 857 แห่ง แบ่งเป็นจุดตัดเสมอระดับจำนวน 354 จุด จุดตัดต่างระดับจำนวน 147 แห่ง และทางลักผ่านจำนวน 323 แห่ง ในจำนวนดังกล่าวมีจุดตัดที่ยกเลิกแล้ว 33 จุด ซึ่งจำนวนที่กล่าวไปนั้น
พบว่า ช่วงระหว่างกรุงเทพฯ-ชุมพร มีจุดตัดจำนวนทั้งสิ้น 357 แห่ง แบ่งเป็น จุดตัดยกเลิกแล้ว 34 แห่ง จุดตัดเสมอระดับจำนวน 175 แห่ง จุดตัดต่างระดับจำนวน 78 แห่ง และทางลักผ่านจำนวน 70 แห่ง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขปรับปรุงในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่แล้วบางส่วน เหลือ 32 แห่ง ซึ่ง ขร. ทำแผนแม่บทในการปรับปรุง แก้ไข แบ่งเป็นระยะเร่งด่วน 6 แห่ง และระยะกลาง 26 แห่ง โดยแนวทางการปรับปรุงระยะเร่งด่วน เช่น จุด 41-0526+344 อยู่ในพื้นที่ตำบลนาขา อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร จากเดิมเป็นจุดตัดประเภททางลักผ่านที่มีปริมาณจราจรค่อนข้างสูงจึงมีแนวทางการแก้ไข ติดตั้งเครื่องกั้นประเภท ก1 และปรับปรุงกายภาพเพิ่มเติม เช่น การบดบังทัศนวิสัย ติดตั้งป้ายจราจรบริเวณจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ รวมไปถึงการปรับปรุงเครื่องหมายจราจรบนพื้นทาง ซึ่ง ขร.จะมีการติดตามผลและประเมินการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจต่อไป