“ศักดิ์สยาม” สั่ง รฟท.เร่งปรับแผนสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางให้เสร็จตามสัญญา เผยพบยังล่าช้ากว่าแผนถึง 8 สัญญา แม้มีการปรับขยายเวลาให้ผู้รับเหมาแล้ว ส่วนเฟส 2 “ขอนแก่น-หนองคาย” เร่งทำข้อมูลเพิ่มเติมเสนอ สศช.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รายงานผลการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 จำนวน 9 สัญญา ซึ่งพบว่ามีการก่อสร้างเร็วกว่าแผนงานจำนวน 1 สัญญา ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 1 (มาบกะเบา-คลองขนานจิตร) ค่าก่อสร้าง 7,560 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 94.13% เร็วกว่าแผน 0.59% ขยายสัญญา 16 เดือน โดยขยายสัญญาจากสิ้นสุด 31 ก.ค. 2564 ออกไปถึง 5 ธ.ค. 2565
ส่วนการก่อสร้างโครงการทางคู่ ระยะที่ 1 ที่มีผลการก่อสร้างล่าช้ากว่าแผนงาน มีจำนวน 8 สัญญา ประกอบด้วย ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 1 (บ้านกลับ-โคกกระเทียม) ค่าก่อสร้าง 10,050 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 71.47% ล่าช้ากว่าแผน 13.58% ระยะเวลาก่อสร้าง 15 มิ.ย. 2561-14 มิ.ย. 2565
ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 2 (บ้านท่าแค-ปากน้ำโพ) ค่าก่อสร้าง 8,649 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 71.74% ล่าช้ากว่าแผน 24.8% ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2561-31 ม.ค. 2564 ขยายสัญญา 17 เดือน ไปสิ้นสุด ก.ค. 2565
ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 (งานอุโมงค์รถไฟ) ค่าก่อสร้าง 9,290 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 90.58% ล่าช้ากว่าแผน 4.093% ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2561-30 ธ.ค. 2564 ขยายสัญญา 9 เดือน ไปสิ้นสุด 27 ก.ย. 2565
ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 1 (นครปฐม-หนองปลาไหล) ค่าก่อสร้าง 8,198 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 97.09% ล่าช้ากว่าแผน 0.2% ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2559-31 ม.ค. 2564 ขยายสัญญา 20 เดือน ไปสิ้นสุด ก.ย. 2565
ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 2 (หนองปลาไหล-หัวหิน) ค่าก่อสร้าง 7,520 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 94.84% ล่าช้ากว่าแผน 0.166% ระยะเวลาก่อสร้าง 15 มิ.ย. 2561-14 มิ.ย. 2565 ขยายสัญญา 20 เดือน ไปสิ้นสุด ก.ย. 2565
ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. ค่าก่อสร้าง 5,807 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 99.94% ล่าช้ากว่าแผน 0.06% ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2561-31 ก.ค. 2563 ขยายสัญญา 15 เดือน ไปสิ้นสุด ต.ค. 2564
ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญาที่ 1 (ประจวบคีรีขันธ์-บางสะพานน้อย) ค่าก่อสร้าง 6,465 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 85.08% ล่าช้ากว่าแผน 14.923% ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2561-31 ต.ค. 2563 ขยายสัญญา 15 เดือน ไปสิ้นสุด ม.ค. 2565
ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญาที่ 2 (บางสะพานน้อย-ชุมพร) ค่าก่อสร้าง 5,992 ล้านบาท มีผลงานการก่อสร้าง 87.30% ล่าช้ากว่าแผน 12.568% ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2561-31 ม.ค. 2564 ขยายสัญญา 15 เดือน ไปสิ้นสุด เม.ย. 2565
สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. วงเงินโครงการ 29,748 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการ รฟท.ได้ให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 โดยกระทรวงคมนาคมได้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อหน่วยงานเพื่อขอความเห็นประกอบการเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาของหน่วยงาน
ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทางได้แก่ 1. ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ งบประมาณ 85,343.96 ล้านบาท อยู่ระหว่างการรังวัดที่ดิน และแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น ตาม พ.ร.บ. เวนคืน 2562 และเสนอขออนุมัติสั่งจ้างผู้ให้บริการงานควบคุมการก่อสร้าง
2. ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม งบประมาณ 66,846.53 ล้านบาท อยู่ระหว่างการสำรวจรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์เพื่อเวนคืนและวางแผนการรังวัดที่ดิน และเสนอขออนุมัติสั่งจ้างผู้ให้บริการงานควบคุมการก่อสร้าง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้มีข้อสั่งการให้ รฟท.นำแนวทางบริหารจัดการ 6 มิติ ประกอบด้วย 1. มิติการออกแบบ 2. มิติการประชาสัมพันธ์ 3. มิติด้านสัญญา 4. มิติการคัดเลือกผู้รับจ้าง 5. มิติการรื้อย้ายสาธารณูปโภค และ 6. มิติการบริหารงาน/การเร่งรัดการก่อสร้าง/การบริหารพื้นที่ร่วม ไปประกอบการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงาน
และให้ รฟท.กำกับ ติดตาม ตรวจสอบการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่หรือโครงการในอนาคตที่จะต้องก่อสร้างผ่านเขตชุมชน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินการจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเสนอ สศช.โดยเร็ว