xs
xsm
sm
md
lg

SCN ฟันธงไตรมาส 1/65 ทุบสถิติใหม่ บันทึกรายได้พิเศษการขายหุ้น TJN 313 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สแกน อินเตอร์ คาดงบไตรมาส 1/65 ทุบสถิติสูงสุด หลังบันทึกรายได้พิเศษ 313 ล้านบาทจากขายหุ้น TJN ในสัดส่วน 49% ให้แก่ Shizuoka Gas

นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากบันทึกรายได้พิเศษมูลค่า 313 ล้านบาท หลังขายหุ้นของบริษัท ก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการพัฒนาคุณภาพและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ รวมถึงก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCN ให้แก่ บริษัท Shizuoka Gas Company Limited หรือ SZG ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 49%

การเข้ามาถือหุ้นของ SZG ทำให้บริษัทฯ เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ขณะที่ลูกค้ารายเดิมยังมีความต้องการใช้ก๊าซ ICNG เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยมีลูกค้าเตรียมเซ็นสัญญาเข้ามาเพิ่มอีกหลายราย และมีความต้องการใช้ก๊าซ ICNG มากกว่า 2,000 ล้านบีทียู (MMBTU) จากปัจจุบันที่มีปริมาณการขายก๊าซ ICNG มากกว่า 5,000 ล้านบีทียู (MMBTU) ต่อวัน

ขณะที่ราคาพลังงานยังคงทรงตัวในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซ NGV แบบครบวงจร และใช้ในกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม (iCNG) และธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งสงครามยูเครนกับรัสเซียทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงหนุนให้ผู้ใช้รถ ทั้งในกลุ่มรถบรรทุก การขนส่ง และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ หันมาใช้ก๊าซธรรมชาติอัดแรงดันสูง NGV และ iCNG มากยิ่งขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาทุกสถานีให้บริการเติมก๊าซ NGV ขยายตัวมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับจุดต่ำสุด

ส่วนโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มมินบูในเมียนมาที่อยู่ภายใต้การบริหารของ บริษัท กรีน เอิร์ธ พาวเวอร์ ไทยแลนด์ จำกัด (GEP Thailand) SCN ถือหุ้นใน GEP Thailand ราว 40% มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากำลังการผลิตรวม 220 เมกะวัตต์ โดยเริ่มรับรู้รายได้จากการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) จากเฟสแรก กำลังผลิตอยู่ที่ 50 เมกะวัตต์ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้านเฟสที่ 2 กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. 2565 ก่อนที่จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 4/2565 อย่างแน่นอน

สำหรับธุรกิจด้านกัญชง เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 มีนักลงทุนใหม่เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับกัญชงอย่างมหาศาล แสดงถึงความสำเร็จ และความน่าสนใจในธุรกิจกัญชงเพื่อการแพทย์เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นกัญชงเกรดการแพทย์ มีพื้นที่ปลูก 3,000 ตารางเมตร โดยมีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกกัญชงถือหุ้นในสัดส่วน 40% ปัจจุบันเริ่มดำเนินการปลูกล็อตแรกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ในช่วงของระยะเริ่มต้น และคาดว่าหากปลูกได้เต็มพื้นที่จะสามารถสร้างรายได้ 200-300 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีการวางแผนทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยแผนการใช้เงินลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้านั้นจะมาจากการแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญ บมจ.สแกน อินเตอร์ ครั้งที่ 1 (SCN-W1) ราว 120 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดหวังว่าผู้ถือหุ้นจะใช้สิทธิแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด โดยมีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 119,996,757 หน่วย มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาใช้สิทธิ 2.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 13 ม.ค. 2566

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะนำเงินไปลงทุนใน บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด (SAP) ที่ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) สัญญาซื้อขายไฟภาคเอกชน (Private PPA) และสัญญาเช่าโซลาร์รูฟท็อปทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้าภาคธุรกิจ ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟ 20 เมกะวัตต์ และมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ 10 เมกะวัตต์ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มขึ้นเป็น 30-40 เมกะวัตต์ในปี 2566 ก่อนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีเป้าหมายที่จะมีศักยภาพในการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็น 100 เมกะวัตต์

สำหรับการคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2/2565 เชื่อว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย แม้ว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น ประกอบกับอัตราการเสียชีวิตปรับตัวลดลง ขณะที่ภาครัฐบาลยังได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 มาต่อเนื่อง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทั้งการเติบโตของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจผลิตไฟฟ้า, ธุรกิจให้บริการบำรุงรถเมล์ NGV และธุรกิจใหม่ในส่วนของกัญชง เป็นปัจจัยบวกและทำให้บริษัทฯ มั่นใจในเป้าหมายรายได้ปี 2565 ที่คาดจะทำได้ประมาณ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.75 พันล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น