EGCO เล็งขายไฟฟ้าให้ธุรกิจขุดเหมืองคริปโตฯ หลังโรงไฟฟ้าบางแห่งขยายกำลังผลิตไฟฟ้าได้ หลังได้รับการติดต่อให้เข้าร่วมลงทุนหรือขายไฟให้หลายราย ขณะเดียวกันจ่อลงทุนธุรกิจใหม่ทั้งแบตเตอรี่และผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาในการขายไฟให้กับบริษัทที่ทำธุรกิจเหมืองขุดคริปโตเคอร์เรนซี หลังจากที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเชิญชวนให้บริษัทฯ ไปร่วมลงทุนหรือขายไฟฟ้าให้กับธุรกิจที่เกี่ยวกับเหมืองขุดคริปโตฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งโรงไฟฟ้าของบริษัทส่วนใหญ่ได้มีสัญญาซื้อขายระยะยาวเต็มกำลังการผลิตแล้ว แต่พบว่ามีโรงไฟฟ้าบางส่วนสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้
ส่วนการลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ในปีที่แล้วบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท เพียร์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพในธุรกิจเทคโนโลยีด้านการเงิน (Fintech) โดยส่วนหนึ่งของธุรกิจของเพียร์ พาวเวอร์ได้ลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดคริปโตฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องขุดบิตคอยน์อยู่ประมาณ 145 เครื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ สนใจธุรกิจแบตเตอรี่ และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและมีความต้องการของตลาดจำนวนมากในอนาคต โดยที่ผ่านมามีการเจรจาหรือทำเอ็มโอยูกับพันธมิตรบางรายแล้ว ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการเข้าไปลงทุน ส่วนการลงทุนนั้นจะทำผ่านบริษัทลูกหรือลงทุนโดยตรงยังไม่ได้ตัดสินใจ
รวมทั้งเตรียมลงทุนผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน (Hydrogen to Power) ด้วยเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงชนิดออกไซด์แบบแข็ง (SOFC) และเทคโนโลยีแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (SOEC) ที่จะลงทุนนำร่องในไทยเร็วๆ นี้ นับเป็นทางเลือกใหม่ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าในประเทศไทย
เมื่อเร็วๆ นี้ เอ็กโก กรุ๊ป ร่วมกับ Bloom Energy, ATE และ กฟผ.ได้ศึกษาและพัฒนา “การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน ด้วยเทคโนโลยี SOFC และ SOEC ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าแห่งอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้แล้วในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้แล้ว
นายสมเกียรติ สุทธิวานิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากแนวโน้มต้นทุนดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้น บริษัทได้มีการบริหารความเสี่ยงโดยมีการล็อกดอกเบี้ยคงที่สำหรับสัญญาเงินกู้ปัจจุบันไว้แล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนเงินกู้เพื่อลงทุนโครงการในอนาคตนั้น บริษัทจะจัดหาเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและปิดความเสี่ยงทันที ซึ่งต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นนั้นจะนำไปพิจารณาเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนสำหรับโครงการใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมากหลังจากสงครามรัสเซียกับยูเครนนั้น บริษัทได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าไอพีพีที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำให้ราคาค่าเชื้อเพลิงได้ถูกส่งผ่านไปยังค่าไฟให้กฟผ. อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในช่วงสัปดาห์ที่แล้วปรับลดลงมาอยู่ที่ 25 เหรียญสหรัฐ จากเดิมเคยอยู่ที่กว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติยกเลิกการออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2549 และอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท โดยมีมูลค่ารวมของหุ้นกู้ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท หรือเทียบเท่าตามรายละเอียดข้างต้น เพื่อการลงทุนในโครงการต่างๆ ของกลุ่มบริษัท และ/หรือเพื่อนําไปใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนใน บริษัท และ/หรือ เพื่อการชําระคืนเงินกู้ยืมของบริษัท และ/หรือ บริษัทย่อย
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ เห็นชอบให้เอ็กโก กรุ๊ปพิจารณาจ่ายเงินปันผลสําหรับผลการดําเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท โดยมีกําหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 เมษายน 2565
ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,364 เมกะวัตต์ และได้ต่อยอดความสำเร็จผ่านการถือหุ้น 17.46% ใน “เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง” ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา หลังจากเอ็กโก กรุ๊ป เข้าไปถือหุ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 เป็นต้นมา เอเพ็กซ์ได้จำหน่ายโครงการพลังงานลมไปแล้ว 2 โครงการ กำลังผลิต 496 เมกะวัตต์ โดยในปี 2564 เอ็กโก กรุ๊ป รับรู้กำไรจากการดำเนินงานของเอเพ็กซ์ จำนวน 435 ล้านบาท ปัจจุบันเอเพ็กซ์มีโครงการพลังงานสะอาดที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง คิดเป็นกำลังผลิตประมาณ 492 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาอีกกว่า 42,000 เมกะวัตต์