xs
xsm
sm
md
lg

“จุรินทร์” สั่ง อคส.ลุยพัฒนาองค์กร ย้ำยุคใหม่ต้องไร้โกง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“จุรินทร์” ร่วมฉลองครบรอบ อคส. 67 ปี สั่งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้บริหารจัดการองค์กร เพื่อดูแลเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก ย้ำยุคใหม่ ต้องไร้โกง “เกรียงศักดิ์” ชูนโยบาย “แก้มลิง++” เดินหน้าพัฒนาคลังสินค้า ช่วยเกษตรกรแปรรูปข้าว มะพร้าว ประสานพาณิชย์จังหวัด ทูตพาณิชย์ ช่วยขาย พร้อมลุยสะสางโครงการจำนำข้าว คดีทุจริตถุงมือยาง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานในพิธีงานวันคล้ายวันสถาปนาองค์การคลังสินค้า ครบรอบ 67 ปี ว่า อคส.กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 68 มีบทบาทสำคัญทั้งทางด้านการผลิต การตลาด และการบริหารจัดการภาคการเกษตร โดยเฉพาะการสนองนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ซึ่งถือว่าเป็นการเดินหน้าการเกษตรยุคใหม่ที่มีเป้าหมายเป็นรูปธรรมชัดเจนอย่างยิ่ง ภายใต้วิสัยทัศน์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” และองค์การคลังสินค้ายุคใหม่ สิ่งที่จะต้องเดินหน้าเพิ่มเติมคือ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้บริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีศักยภาพในการเข้าไปดูแลเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

โดยวันนี้ถือเป็นวันสำคัญขององค์การคลังสินค้าอีกวาระหนึ่ง เราได้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบแล้ว บอร์ดชุดใหม่ 7 ท่านจะเข้ามาทำหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาก่อตั้ง อคส.ที่กำหนดว่าบอร์ดมีหน้าที่มอบนโยบายหรือดำเนินการด้านนโยบาย และผู้อำนวยการ อคส. และพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของบอร์ด และวันนี้เป็นวันพิเศษจะมีการประกาศเจตนารมณ์ Zero Corruption สำหรับ อคส.แห่งนี้ เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับทิศทางของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้มอบหมายให้ดำเนินการเช่นนี้ในทุกองค์กรทุกหน่วยงาน

“ขอให้ลงลึกถึงภาคปฏิบัติจริง เพราะไม่โกง ใครก็พูดได้ แต่เมื่อไรที่มีโอกาสแล้วไม่โกง จึงจะพิสูจน์ความเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตที่แท้จริง คือสิ่งที่จะต้องพิสูจน์ตนเองต่อไป ภายใต้การกำกับของบอร์ด และการดูแลของผู้อำนวยการ” นายจุรินทร์กล่าว

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า อคส.พร้อมนำยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” มาใช้ จะนำยุทธศาสตร์ “แก้มลิง++” มาสนับสนุน โดยบวกที่ 1 จะใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยเก็บสินค้าเกษตร ซึ่งปัจจุบันได้ร่วมมือกับ สวทช.พัฒนาคลังสินค้าไร้อากาศ การทำแท่นวางสินค้า (Pallet) โดยใช้กากมะพร้าว การใช้เครื่องคัดแยกชนิดและน้ำหนักสัตว์น้ำแทนแรงงานต่างด้าวโดยใช้ AI เป็นต้น และมุ่งสร้างเกษตรแปรรูป เช่น ชาวนาปลูกข้าวขายแป้ง ชาวสวนปลูกมะพร้าวขายกะทิ โดย อคส.ได้รับความอนุเคราะห์พื้นที่จากธนารักษ์ จังหวัดลพบุรี จำนวน 22 ไร่ จัดสร้างคลังข้าวลพบุรี ซึ่งจะมีทั้งโรงอบ โรงสี และโรงโม่แป้ง พร้อมสร้างการตลาดรองรับซึ่งปัจจุบันมีแล้วกว่า 2,000 ตัน เมื่อสร้างเสร็จจะมีคำสั่งซื้อรองรับไม่ต่ำกว่า 50,000 ตัน รองรับปริมาณข้าวพื้นแข็งในจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียงได้มากกว่า 150,000 ตันข้าวเปลือก และบวกที่ 2 จะประสานพาณิชย์จังหวัด 77 จังหวัด และทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลก สร้างเครือข่ายการจำหน่ายสินค้าเกษตรแปรรูปทั้งใน และต่างประเทศ

สำหรับคลังสินค้าที่มีอยู่ อคส.จะผลักดันคลังราษฎร์บูรณะเป็นคลังห้องเย็นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วยศักยภาพรองรับมากกว่า 50,000 ตัน สามารถสร้างรายได้ให้ อคส.ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท เมื่อสร้างเต็มพื้นที่ โดยได้ยื่นอุทธรณ์ขอขยายใบอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว หากได้รับการอนุญาตจะสร้างประโยชน์อย่างน้อย 3 ประการ คือ อคส.มีรายได้ที่มั่นคงไม่เป็นภาระงบประมาณ เกษตรกรมีห้องเย็นขนาดใหญ่ช่วยในการเก็บรักษาผลผลิตส่วนเกิน ลดแรงกระทบเรื่องผลผลิตราคาตกต่ำเนื่องจากปริมาณออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก และรัฐบาลมีเครื่องมือที่จะช่วยสนับสนุนในกิจการต่างๆ ที่ใช้ห้องเย็น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร หรือเวชภัณฑ์ เช่น วัคซีนป้องกันโรคระบาด เป็นต้น

นอกจากนี้ อคส.จะเร่งฟื้นฟูและพัฒนาองค์กรให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นแนวหน้าของประเทศผ่านนโยบาย “ซ่อม สร้าง เพิ่ม สะสาง” โดยเตรียมปรับโครงสร้างองค์กร ระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพ การจัดตั้งโรงเรียนกำเนิดคลังซึ่งจะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพสอดรับกับพันธกิจ และขยายสาขาคลังสินค้า ไม่ว่าจะเป็นคลังแพะ กระบี่ คลังกระท่อม พัทลุง คลังสัตว์น้ำ ในหลายจังหวัดครอบคลุมถึงภาคอีสาน รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ และอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนสร้าง Cold chain ทั่วประเทศ รวมถึงการเจรจาสร้างคลังสินค้าร่วมทุนในประเทศเมียนมา และประเทศอื่นๆ

ส่วนงานที่ต้องสะสาง โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว ที่ยังมีข้าวในคลังกว่า 200,000 ตัน ตั้งเป้าระบายให้หมดทุกเมล็ดภายใน ก.ย. 2565 แต่การระบายข้าวโพดและมันสำปะหลัง โครงการปี 2551 ได้ทำเสร็จสิ้นเมื่อก.ย. 2564 ที่ผ่านมา และยังมีโครงการอีกกว่า 30 โครงการของรัฐที่ยังปิดบัญชีไม่เสร็จสิ้นก็จะเร่งดำเนินการให้เสร็จ รวมถึงการสะสางคดีการทุจริตถุงมือยาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอชี้มูลจาก ป.ป.ช. และ ปปง. ซึ่ง อคส.พร้อมนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ต่ำกว่า 4 คดี ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งโดยกฎหมายความรับผิดทางละเมิด (คลัง) คดีอาญาทุจริต (ป.ป.ช.) คดีแพ่งและคดีอาญาฟอกเงิน (ปปง.) โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และไม่มียกเว้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ได้มีการมอบเกียรติบัตรบุคคลต้นแบบ ประจำปี 2565 ให้แก่พนักงานองค์การคลังสินค้าจำนวน 12 ราย ประกอบด้วย 1. พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ 2. นายบรรจง วงษ์ชาลี 3. นางณปภัช แซ่อึ้ง 4. นายภณาวัฒน์ ยอดคำลือ 5. น.ส.อจิรวดี ดำแก้ว 6. น.ส.จันจิรา ชาวน้ำวน 7. นางวันเพ็ญ แสนพูลทรัพย์ 8. นายอัฐเชษฐ์ สินธุสีมันต์ 9. นายยิ่งยศ ขวัญใจ 10. น.ส.นภัสสร สิงหพันธ์ 11. น.ส.จรรยา เจริญพรต และ 12. น.ส.นภาพร วงศ์สวัสดิ์


กำลังโหลดความคิดเห็น