เงินเฟ้อ มี.ค. 65 พุ่ง 5.73% สูงสุดในรอบ 13 ปี ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ค่าไฟ และอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดแนวโน้ม เม.ย.มีความเป็นไปได้ขยับอีก หลังผลกระทบจากสงคราม การแซงก์ชัน ก๊าซหุงต้ม น้ำมันขึ้น ยังเป็นปัจจัยกดดัน พร้อมปรับเป้าเงินเฟ้อทั้งปี 65 ใหม่เป็น 4-5%
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน มี.ค. 2565 เท่ากับ 104.79 เทียบกับ ก.พ. 2565 เพิ่มขึ้น 0.66% เทียบกับเดือน มี.ค. 2564 เพิ่มขึ้น 5.73% สูงสุดในรอบ 13 ปี นับจากปี 2551 หลังจากทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปีมาแล้วเมื่อเดือน ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา ที่สูงขึ้น 5.28% ส่วนเงินเฟ้อรวม 3 เดือนปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) เพิ่มขึ้น 4.75% และเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออก ดัชนีอยู่ที่ 102.43 เพิ่มขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. 2565 และเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. 2564 และรวม 3 เดือนเพิ่มขึ้น 1.43%
สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนมี.ค. 2565 สูงขึ้นมาจากสินค้าในกลุ่มพลังงานสูงขึ้น 32.43% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น 31.43% และค่ากระแสไฟฟ้าสูงขึ้น 39.95% รวมถึงสินค้าประเภทอาหาร ได้แก่ ผักสด เพิ่ม 9.96% เนื้อสัตว์ (สุกร ไก่สด) เพิ่ม 5.74% ไข่ไก่และผลิตภัณฑ์นม เพิ่ม 6.08% เครื่องประกอบอาหาร เพิ่ม 8.16% อาหารบริโภคในบ้าน เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวแกง ข้าวกล่อง ก๋วยเตี๋ยว เพิ่ม 6.28% และอาหารบริโภคนอกบ้าน เช่น ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง เพิ่ม 6.15% โดยปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ และยังมีสาเหตุจากฐานราคาในเดือนเดียวกันของปีก่อนอยู่ในระดับต่ำ มีส่วนทำให้เงินเฟ้อในเดือนนี้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าที่จำเป็นอีกหลายรายการที่ราคาปรับลดลง เช่น ข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลด 4.15% ผลไม้สดบางชนิด เช่น ส้มเขียวหวาน ฝรั่ง กล้วยหอม ลด 3.27% การบันเทิง การอ่านและการศึกษา เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียมการศึกษา ลด 0.89% และเครื่องนุ่งห่ม เช่น กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อยืดสตรีและบุรุษ ลด 0.18%
ทั้งนี้ ในเดือน มี.ค. 2565 มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 280 รายการ เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) กับข้าวสำเร็จรูป เนื้อสุกร ไข่ไก่ อาหารเช้า น้ำมันพืช น้ำประปา เป็นต้น สินค้าไม่เปลี่ยนแปลง 59 รายการ เช่น ค่าใบอนุญาตขับขี่ ค่าเบี้ยประกันทรัพย์สิน ค่าเดินทางไปเยี่ยมญาติและทำบุญ ค่าเบี้ยประกันภัยรถ ค่าเบี้ยประกันคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.) ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี และราคาลดลง 91 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ส้มเขียวหวาน ขิง ค่าธรรมเนียมการศึกษา ถั่วฝักยาว ค่าเช่าบ้าน กล้วยหอม และผลิตภัณฑ์ซักผ้า (น้ำยาซักแห้ง)
นายรณรงค์กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือน เม.ย. 2565 ถ้าดูจากตัวเลขในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดย ม.ค.เพิ่มขึ้น 3.23% ก.พ.เพิ่ม 5.28% และ มี.ค.เพิ่ม 5.73% มีความเป็นไปได้ที่จะสูงขึ้น เพราะผลกระทบจากสถานการณ์สงครามเริ่มรุนแรงขึ้น และยังมีสงครามคู่ขนานที่หลายประเทศคว่ำบาตร รวมทั้งการปรับเพิ่มขึ้นของก๊าซหุงต้ม ที่ต้องจับตาดูว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และยังมีความผันผวนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก และต้นทุนสินค้าหลายรายการที่สูงขึ้น
สำหรับเป้าหมายเงินเฟ้อในปี 2565 หลังจากที่ สนค.ได้ประเมินสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกแล้ว เห็นควรปรับประมาณการใหม่ จากเดิม 0.7-2.4% ซึ่งเป็นการตั้งเป้าเมื่อเดือน พ.ย. 2564 ที่ยังไม่มีภาวะสงคราม แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน ปัจจัยต่างๆ เปลี่ยน โดยปรับเพิ่มเป็น 4-5% มีสมมติฐานจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 3.4-4.5% น้ำมันดิบดูไบ 90-110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่ถ้าในระยะต่อไป สถานการณ์เปลี่ยนไปและดีขึ้น ก็จะมีการปรับคาดการณ์อีกครั้ง
ส่วนความกังวลที่จะเกิดสถานการณ์ Stagflation ที่เศรษฐกิจตกต่ำและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นนั้น ต้องดูภาวะเศรษฐกิจในประเทศประกอบด้วย เพราะหากเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดี จากการเปิดประเทศ การมีนักท่องเที่ยวเข้ามา และการส่งออกยังเติบโต รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อน และเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น กำลังซื้อยังเป็นปกติ ถือว่าไม่น่าห่วง แต่ถ้าเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อสูง กำลังซื้อไม่มี เป็นอีกเรื่องที่จะต้องติดตาม