ส.อ.ท.หวังงานมอเตอร์โชว์ดันยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน มี.ค.-เม.ย.เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ "อีวี" คาดปีนี้อาจเห็นยอดจดทะเบียนหรือยอดขายอีวีแตะ 1 หมื่นคันได้หากมีการนำเข้ารถราคาต่ำมาทำตลาดเพิ่ม ขณะที่ยอดการส่งออก ก.พ.ลดลง 0.02% หลังขาดแคลนชิปและชิ้นส่วน เกาะติดใกล้ชิดหวั่นขาดเพิ่ม
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ก.พ. 65 มีทั้งสิ้น 74,489 คัน เพิ่มขึ้นจาก ก.พ. 64 คิดเป็น 26.3% ส่งผลให้ยอดขาย 2 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) อยู่ที่ 143,944 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.08% เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐและการฟื้นตัวกิจกรรมด้านเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ขณะนี้จะมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มยอดขายรถยนต์ในประเทศในเดือน มี.ค.-เม.ย. เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี)
“การที่รัฐมีมาตรการส่งเสริมการใช้รถอีวีพบว่าประชาชนตื่นตัว โดยงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่กำลังจัดอยู่ก็ทราบว่าค่อนข้างคึกคักมีรถรุ่นใหม่ๆ มาเปิดตัวมากรวมถึงอีวี โดยพบว่าคนเข้าไปงานเพื่อชมรถอีวีพอสมควรซึ่งก็นับเป็นเทรนด์ที่กำลังมา โดยก่อนหน้าเรามองว่าจะมียอดขายหรือจดทะเบียนรถอีวีใหม่ปีนี้ 4,000-5,000 คันจากปี 2564 มีแค่ 1,900 คัน แต่ทราบข่าวว่าจะมีผู้ประกอบการบางรายอาจนำเข้ารถอีวีต่ำเพียง 600,000 บาทต่อคันเข้ามาทำตลาด หากมีรถอีวีราคาต่ำๆ มาทำตลาดมากก็จะทำให้การเติบโตสูงขึ้นเป็น 8,000-10,000 คันได้” นายสุรพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ เดือนกุมภาพันธ์ 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่จำนวน 873 คัน เพิ่มขึ้นจาก ก.พ. 64 ถึง 137.23% อย่างไรก็ตาม งานวิจัยการใช้รถอีวีในไทยเองได้ชี้ชัดว่ามี 2 ปัจจัยสำคัญ คือ สถานีชาร์จที่เพียงพอ และราคารถที่ต่ำ จะทำให้ตลาดรถอีวีเติบโตได้ดีขึ้น โดยจีนยังคงเป็นผู้นำในการใช้รถอีวีมากสุดของโลกเพราะมีการส่งเสริมการผลิตของสตาร์ทอัพ รองลงมาเป็นสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐอเมริกา
สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ก.พ. 65 ส่งออกได้ 79,451 คัน โดยลดลงจาก ก.พ. 2564 คิดเป็น 0.02% จากการชะลอการผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นเพราะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) และชิ้นส่วน โดยส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย และอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ส่งผลให้การส่งออกรวม 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ. 65) อยู่ที่ 149,284 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.81% อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนกำลังได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการสู้รบของรัสเซีย-ยูเครน
“เรายังประเมินไม่ได้ว่าสถานการณ์นี้จะยืดเยื้อหรือจะขยายขอบเขตการสู้รบไปยังยุโรป หรือกลายเป็นสงครามโลกหรือไม่ จึงยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงนี้อย่างใกล้ชิด โดยยอมรับว่ามีความกังวลต่อเป้าหมายการผลิตที่ตั้งไว้ปี 2565 ที่ 1.8 ล้านคัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคัน ที่เหลือจำหน่ายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการส่งออกชิ้นส่วนและอุปกรณ์ยังคงเพิ่มขึ้นตามการเปิดโรงงานผลิตของประเทศคู่ค้า” นายสุรพงษ์กล่าว
การผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือน ก.พ. 65 มีทั้งสิ้น 155,660 คัน เพิ่มขึ้นจาก ก.พ. 2.58% โดยเพิ่มขึ้นจากการผลิตรถกระบะขายในประเทศและผลิตส่งออกที่เพิ่มขึ้น แต่ยังผลิตรถยนต์นั่งลดลงจากการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนในบางรุ่น และยังกังวลการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนที่อาจรุนแรงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) อยู่ที่ 307,407 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.35% โดย ม.ค.-ก.พ. 65 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 159,612 คัน คิดเป็น 51.92% ของยอดการผลิตทั้งหมด ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 147,795 คัน คิดเป็น 48.08% ของยอดการผลิตทั้งหมด