xs
xsm
sm
md
lg

TU ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โตกว่า 5% ส่ง “ไอ-เทล” เข้าตลาดหุ้นสิ้นปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ปลั่นปีนี้มีรายได้โตกว่า 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ทุ่มงบลงทุนปีนี้ 6 พันล้านบาทไม่รวมการลงทุนธุรกิจใหม่และ M&A ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ลั่นเตรียมนำ “ไอ-เทล” เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นปลายปี 65

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่าบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2565-68 เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 5% จากปี 2564 มีรายได้รวม 1.4 แสนล้านบาท โดยมีการลงทุนในธุรกิจอาหารที่มีนวัตกรรมทำมาร์จิ้นที่ได้ดี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 20% ภายในปี 2568 จาก 18.2% ในปี 2564


ส่วนธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง และอาหารทะเลแช่แข็งแช่เย็น ยังคงเป็นธุรกิจหลัก (Core Business) ที่มีสัดส่วน 42% และ 41% ตามลำดับ ซึ่งเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 3% ขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามีสัดส่วน 17% นับเป็น Growth Engine ใหม่ เพราะธุรกิจนี้มีแนวโน้มการเติบโตมากและทำกำไรได้ดี

สำหรับตลาดในประเทศ ที่มีสัดส่วน 10% ของยอดขายนั้น บริษัทมีแบรด์ของตัวเอง "Select" ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 58% และเติบโตเฉลี่ยปีละ 9.4% สูงกว่าภาพรวมตลาดทูน่าเติบโต 1% โดยบริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ซีเล็คทูน่ากัญชงภายในปีนี้

โดยในปี 2565 บริษัทตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 6,000 ล้านบาทไม่นับรวมการลงทุนในธุรกิจใหม่ และการควบรวมซื้อกิจการ (M&A) ที่จะมีขึ้นภายในปีนี้ โดยการลงทุนในปีนี้ใช้เงินลงทุนไม่มากเหมือนกับการลงทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นในธุรกิจอาหารที่มีนวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ส่วนประกอบอาหาร อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและโปรตีนทางเลือก (plant based) รวมทั้งลงทุน Robot และ AI เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

สำหรับแหล่งเงินทุน บริษัทมีความสามารถในการลงทุนเพียงพอ เนื่องจากมีอัตราหนี้สินสุทธิ (Net Debt) ต่ำกว่า 1 เท่า ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าภายในปี 2568 จะมีสัดส่วน Blue Finance 75% ของหนี้ระยะยาวที่มีอยู่ 4.5 หมื่นล้านบาท ช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้ดีกว่าหุ้นกู้ปกติ โดยบริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้เพิ่มในช่วงปี 2566-67 ที่จะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน


ด้านผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้นบริษัทแทบไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ซึ่งราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นนับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะบริษัท ดังนั้นบริษัทจึงได้มีการปรับขึ้นราคาสินค้าไปบ้างแล้ว 5-7% ตามต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคเข้าใจได้

นายธีรพงศ์กล่าวว่า TU เตรียมนำบริษัทไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิม บมจ.สงขลาแคนนิ่ง) ที่ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ภายในสิ้นปี 2565 ต่อจากบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้เข้าเทรดในตลาดหุ้นไปเมื่อปี 2564

โดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงการระบาดโควิด-19 ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้นและมีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่ม เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มองว่าธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงก็ยังเติบโตอยู่ โดยเฉพาะจีนที่มีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก โดยไอ-เทลเป็นบริษัทที่เน้นรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่

ผลประกอบการปี 2564 TU มีรายได้เติบโตขึ้น 6.5% มาอยู่ที่ 1.41 แสนล้านบาท ทุบสถิติสูงสุด และมีกำไรสุทธิเติบโต 28.3% อยู่ที่ระดับ 8,013 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น