xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.หวั่น SMEวิกฤติหนัก”สงคราม”ดันต้นทุนพุ่งรอบด้านซ้ำเติมโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส.อ.ท.” ผวาต้นทุนการผลิตสูงต่อเนื่องจากวิกฤติขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ดันน้ำมัน ค่าไฟ LPG ขยับยกแผง วัตถุดิบต่างๆ บรรจุภัณฑ์ราคาพุ่ง ล่าสุดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และอาจปรับอีก 6 ครั้งจะกดดันระยะต่อไปให้ไทยต้องปรับตามเพิ่มต้นทุนทางการเงินอีก รับราคาสินค้าเริ่มอั้นไม่ไหวทยอยขึ้น ห่วง SME อาจกลับไปทรุดหนักได้ แนะรัฐดูแลประชาชนและSMEกลุ่มเปราะบาง เพิ่มกำลังซื้อประคองศก.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย
เปิดเผยว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันราคาสูงขึ้น และมาตรการคว่ำบาตรต่างๆที่ออกมาของแต่ละฝ่ายกำลังเป็นปัจจัยท้าทายต่อภาวะต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นต่อเนื่องแต่สิ่งที่น่ากังวลคือธุรกิจขนาดกลางและย่อม(SME)จะยิ่งเปราะบางเพิ่มไปอีกจากเดิมที่หลายส่วนมองว่าจะทยอยฟื้นตัวได้ดีขึ้นในปีนี้หลังจากต้องเผชิญผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มาแล้วถึง 2 ปีเต็ม

ปัจจุบันต้นทุนการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มจะปรับขึ้นรอบด้านทั้งราคาน้ำมัน ค่าขนส่งต่างๆ ล่าสุดไทยได้พิจารณาปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) เพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วยเริ่มพ.ค.-ส.ค.65 ขณะเดียวกันก็มีการปรับขึ้นราคาแอลพีจีที่จะทยอยขึ้น 3 เดือนเดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) เริ่ม 1 เม.ย.65ที่เอสเอ็มอีบางส่วนใช้ในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้รัสเซียมีการประกาศมาตรการการระงับการส่งออกสินค้า 200 รายการเพื่อตอบโต้สหรัฐฯและชาติพันธมิตรตะวันตก ทำให้กระทบต่อห่วงโซ่การผลิต(ซัพพลายเชน) ที่หลายสินค้าจะขาดแคลนและมีราคาสูง ทั้งเหล็ก ชิ้นส่วนรถยนต์ ปุ๋ย ฯลฯ แม้จะจัดหาที่อื่นทดแทนได้แต่ภาพรวมราคาได้ปรับสูงขึ้นมาก

“ ต้นทุนการผลิตภาพรวมมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นมากยิ่งทำให้ SME ไทยที่ยังไม่ฟื้นไข้จากโควิด-19 ยิ่งอาจกลับมาทรุดหนักอีกเพราะแม้ว่าโควิด-19 ขณะนี้เป็นสายพันธุ์โอมิครอนแม้จะไม่รุนแรงก็ยังคงระบาดอยู่ ซึ่งนอกจากต้นทุนจะเพิ่มขึ้นมากแล้ว ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวก็ยังต้องลำบากเพราะนักท่องเที่ยวรัสเซียถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อนโควิดคิดเป็นอันดับ 7 ของไทยราว 1.5 ล้านคนที่เข้ามาและมีกำลังซื้อสูงก็จะหายไปและแม้ว่าปีนี้จะตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 5-6 ล้านคนก็คงจะไม่ถึง”นายเกรียงไกรกล่าว

นอกจากนี้ยังคงต้องติดตามต้นทุนทางการเงินในระยะต่อไปหลังจากที่ล่าสุดคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2561 และคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปี 2565 ปัจจัยดังกล่าวแม้ว่าระยะสั้น 1-2 เดือนนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้แต่ในที่สุดในระยะต่อไปก็อาจจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นเหล่านี้จะยิ่งกดดันให้ต้นทุนการเงินของธุรกิจเพิ่มขึ้นซึ่งรวมถึง SME ที่จะยิ่งเปราะบางหนักขึ้นอีกได้ในช่วงกลางปีหรือสิ้นปีหากรัฐบาลไม่มีมาตรการในการช่วยเหลือเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตโดยรวมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องส.อ.ท.ได้ขอให้สมาชิกพยายามตรึงราคาสินค้าให้ได้มากสุดเท่าที่จะทำได้โดยยอมรับว่าสต็อกวัตถุดิบเดิมภาพรวมส่วนใหญ่กำลังหมดลงและวัตถุดิบใหม่กำลังเข้ามาเพิ่มส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าที่เป็นสต็อกใหม่ทั้งหมดต้องขยับขึ้น แม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากโลหะ เช่นกระป๋อง ก็มีแนวโน้มปรับราคาขึ้นเช่นกัน จึงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อของไทยดังนั้นคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)จึงได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 2565 เดิมจะโต 3.5-5% เหลือเป็น 2.5-5% ปรับอัตราเงินเฟ้อจาก 1.5-2.5% เป็น 2-3% ดังนั้นรัฐจำเป็นต้องเร่งดูแลประชาชนและSME ที่เป็นกลุ่มเปราะบางเพิ่มขึ้น รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศเพื่อประคองเศรษฐกิจ


กำลังโหลดความคิดเห็น