"ศักดิ์สยาม" ถกทูตเวียดนามร่วมพัฒนาด้านคมนาคม เตรียมเปิดเดินเรือชายฝั่ง 3 ประเทศ “คลองใหญ่-สีหนุวิลล์-ฟูก๊วก ด้าน "เวียตเจ็ทแอร์" ขอเพิ่มเครื่องบินเข้าไทย สร้างโอกาสการค้าการลงทุนร่วมกัน
วันที่ 16 มี.ค. 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ นายฟาน จี๊ ทัญ (Mr. Phan Chi Thanh) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทยและคณะเข้าพบ เพื่อหารือประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางบก การส่งเสริมการเดินเรือชายฝั่ง ระหว่างไทย-กัมพูชา-เวียดนาม และการขอเพิ่มจำนวนเครื่องบิน (Fleet Application) ของสายการบินเวียดเจ็ท แอร์ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนของภาคธุรกิจเวียดนามในประเทศไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า ไทยและเวียดนามมีความสัมพันธ์อันดีทั้งทางด้านการค้าการลงทุน และด้านการคมนาคมขนส่ง แม้ว่าจะไม่มีพรมแดนที่ติดกัน แต่มีการดินทาง และมีการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศในปริมาณมาก โดยรัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและให้บริการคมนาคมขนส่ง ที่ครอบคลุมเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงภายในประเทศและระหว่างภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน
ซึ่งได้มีการหารือประเด็นการพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางบกที่ต้องหยุดชะงักจากการแพร่ระบาดของโรค Covid -19 ซึ่งปัจจุบันเวียดนามได้เปิดประเทศแล้ว จึงเป็นโอกาสที่ไทยและเวียดนามจะกลับมาพัฒนาความร่วมมือด้านคมนาคมทางบกร่วมกัน โดยกระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะดำเนินการทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนนเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งทั้งผู้โดยสารและสินค้าระหว่างไทย สปป.ลาว และเวียดนาม ทั้งการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 6 (อุบลราชธานี-สาละวัน) และโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนนครพนม พร้อมทั้งดำเนินการพัฒนาปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อให้สอดคล้องกับกรอบความตกลงด้านการคมนาคมของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง GMS และภูมิภาค ASEAN
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเห็นว่าควรมีการผลักดันพัฒนาพิธีการศุลกากรให้เป็นมาตรฐานเดียวเพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งทางบกของรัฐบาลทั้ง 3 ฝ่าย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพัฒนาการขนส่งทางบกให้มีความสะดวก รวดเร็ว
ด้านการส่งเสริมการเดินเรือชายฝั่ง (Coastal Shipping) ฝ่ายเวียดนาม ต้องการให้มีการขยายเส้นทางการเดินเรือจากเกาะฟูก๊วก (เวียดนาม) มาถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งการส่งเสริมการเดินเรือชายฝั่งดังกล่าว เป็นความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรีไทยและเวียดนามตั้งแต่ปี 2557 ต่อมาไทย กัมพูชา และเวียดนาม ได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมสามฝ่าย เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของการเดินเรือชายฝั่ง และได้มีการประชุมแล้ว 4 ครั้ง โดยที่ประชุมฯ ได้กำหนดเส้นทางการขนส่งและการท่องเที่ยวเบื้องต้นในเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ คือ เส้นทางคลองใหญ่ (ไทย) - สีหนุวิลล์ (กัมพูชา) - กัมปอต (กัมพูชา) - ฮาเตียน (เวียดนาม) - ฟูก๊วก (เวียดนาม)
โดยระยะแรกการเดินเรือขนส่งชายฝั่งจะเข้าเทียบท่าเฉพาะท่าเรือขนาดกลางและขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ระหว่างภาคตะวันออกของไทย ภาคใต้ของกัมพูชา และภาคใต้ของเวียดนาม เพื่อเปิดโอกาสให้เรือขนาดเล็กสามารถขยายเส้นทางการค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ อันจะช่วยพัฒนามิติการลงทุนของทั้ง 3 ประเทศ ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งทางฝ่ายไทยมีความพร้อมที่จะร่วมประชุมคณะทำงานร่วมสามฝ่าย ครั้งที่ 5 ผ่านทางระบบการประชุมทางไกล เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาเส้นทางการเดินเรืออย่างเป็นรูปธรรม
ส่วนความร่วมมือด้านการบิน ซึ่งไทยและเวียดนามเป็นประเทศสมาชิกตามความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยบริการเดินอากาศ และความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ของบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ ซึ่งกำหนดให้สายการบินที่ได้รับการจัดสรรสิทธิการบินและได้รับการแต่งตั้งเป็นสายการบินที่กำหนดของไทยภายใต้ความตกลงดังกล่าวแล้ว สามารถทำการบินตามสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ 3, 4 และ 5 อย่างไม่จำกัด
ซึ่งสายการบินเวียตเจ็ท แอร์ ได้เสนอขอเพิ่มจำนวนเครื่องบินที่จะทำการบินมายังประเทศไทย เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) อยู่ระหว่างการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการออกใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมยังมีโครงการศึกษาการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองกับระบบราง (MR - Map) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย นอกจากจะเป็นโครงข่ายคมนาคมสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยและเชื่อมโยงโครงข่ายกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังเป็นการบูรณาการที่สำคัญของการแก้ไขปัญหาการจราจรและการคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการเจริญเติบโตของภูมิภาคอย่างเป็นระบบ รวมถึงโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยหรือแลนด์บริดจ์ (Land Bridge) ซึ่งเป็นโครงการที่สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน ครอบคลุม 4 จังหวัดภาคใต้ตอนบน (ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช) ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงการขนส่งและการคมนาคมระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านและระหว่างภูมิภาคอย่างครบถ้วน เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างภูมิภาคอย่างยั่งยืนต่อไป