ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสนใจนำสินค้าเข้า แม็คโคร ผ่านกิจกรรม “SME Online Business Matching ครั้งที่ 1” ร่วมอบรมเตรียมความพร้อมก่อนเจรจาธุรกิจอย่างคึกคัก หลังแม็คโครผนึกกำลังเครือซีพี เซเว่น อีเลฟเว่น โลตัส สร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสยุคดิจิทัล เพิ่มช่องทางรายเล็กเติบโตอย่างยั่งยืน
นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการผนึกกำลังธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ทั้ง แม็คโคร โลตัส และเซเว่น อีเลฟเว่น จัดกิจกรรม ‘SME Online Business Matching ครั้งที่ 1’ ในวันที่ 17-18 มีนาคม 2565 มีผู้ผลิตเอสเอ็มอีให้ความสนใจนำเสนอสินค้าเข้าจำหน่ายในแม็คโครเป็นจำนวนมาก และผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมอบรมเตรียมความพร้อมก่อนเจรจาธุรกิจไม่น้อย ครอบคลุมกลุ่มสินค้าที่ตลาดมีความต้องการ ทั้งกลุ่มอาหารสด กลุ่มอาหารแห้ง-เครื่องดื่ม และกลุ่มสินค้าอุปโภค
“สิ่งที่ทำให้ แม็คโคร ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตเอสเอ็มอีเป็นจำนวนมาก ก็เพราะเป็นช่องทางที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เป็นผู้ประกอบการ หรือ B2B เรามีลูกค้าสมาชิกมากกว่า 3 ล้านราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม ราว 5 แสนราย ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อย โชวห่วย ราว 7 แสนราย ซึ่งมีจุดเด่นคือ การซื้อซ้ำ ในปริมาณการซื้อต่อครั้งเป็นจำนวนมาก แม็คโครจึงมีความเชี่ยวชาญที่จะบอกกับเอสเอ็มอีได้ว่า สินค้าแบบไหนที่ตลาดมีความต้องการ รวมถึงจุดแข็งจุดอ่อนที่จะนำไปพัฒนาต่อยอดการเติบโต ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งแม้ว่าบางรายจะไม่ผ่านการคัดเลือก แต่ภายใต้แพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่เกิดขึ้นครั้งนี้ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ ให้เอสเอ็มอีพัฒนาต่อไปได้”
สำหรับการจัด “SME Online Business Matching” ในครั้งนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การช่วยเหลือ ฟื้นฟูผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือรวมถึงแม็คโคร เพื่อผนึกกำลังกันสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาส พัฒนาศักยภาพรายย่อย ผ่านการเชื่อมต่อช่องทางขายทั้งโมเดิร์นเทรด และ อีคอมเมิร์ซ รวมถึงสร้างระบบนิเวศใหม่ของเอสเอ็มอี ที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
“ที่ผ่านมาแม็คโครให้การสนับสนุนเอสเอ็มอี และเกษตรกรรายย่อยอย่างต่อเนื่อง เรามีพันธมิตรทางธุรกิจรายเล็กที่เติบโตเคียงข้างกับเราเป็นจำนวนมาก และไม่น้อยก็สามารถนำพาสินค้าไทยไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศที่แม็คโครมีสาขาอยู่ด้วย การเจราจาจับคู่ธุรกิจนับเป็นโอกาสสำคัญที่ไม่อยากให้ผู้ผลิตพลาด ซึ่งมีกำหนดการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี ไตรมาสละ 1 ครั้ง เราคาดว่าจะมีพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ รวมถึงเอสเอ็มอีที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพพร้อมรับการเติบโตอีกเป็นจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน” นางศิริพรกล่าว