xs
xsm
sm
md
lg

Whoscall เผยปี 64 ยอดโทรศัพท์หลอกลวงมี 6.4 ล้านครั้ง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Whoscall เผยรายงานประจำปี 2564 ยอดโทรศัพท์หลอกลวงในประเทศไทยมีกว่า 6.4 ล้านครั้ง พุ่งสูงขึ้น 270% ข้อความหลอกลวงเพิ่มสูงขึ้น 57% เฉพาะ ก.ย.-ธ.ค.สูญเงินร่วม 100 ล้านบาท

Whoscall แอปพลิเคชันป้องกันการฉ้อโกง ที่ถูกพัฒนาโดย Gogolook ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า ในปี 2564 มีการใช้โทรศัพท์เพื่อหลอกลวงในประเทศไทยมากกว่า 6.4 ล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 270% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ในปีเดียวกันข้อความ SMS หลอกลวงยังเพิ่มขึ้นถึง 57% โดยวิธีที่พบบ่อยนักต้มตุ๋นจะส่งลิงก์ฟิชชิ่งหลอกเชิญชวนให้ดาวน์โหลดแอปฯ ที่เป็นอันตรายและหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวไป

Whoscall เผยข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการโทร.และข้อความหลอกลวงทาง SMS ทั่วโลกและประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 จำนวนการโทร.และข้อความหลอกลวงทั่วโลกมีจำนวนถึง 460 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 58% จากปีที่แล้ว ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังการแพร่ระบาด


ฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Gogolook ประเทศไทย เผยว่า การหลอกลวงด้วยวิธีการส่งข้อความมีต้นทุนที่ต่ำ ประกอบกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือเหยื่ออยู่ในอัตราสูง ทำให้จำนวนข้อความหลอกลวงเพิ่มขึ้นทุกๆ เดือน ตั้งแต่ปี 2563 และเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2564 โดยข้อความ SMS หลอกลวงในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 57% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งข้อความเหล่านี้อาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือการสูญเสียทรัพย์สิน ซึ่งประชาชนควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อมีเบอร์แปลกโทร.หรือส่งข้อความเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากลุ่มดังกล่าวมีการขอข้อมูลส่วนตัว Whoscall เป็นเหมือนผู้ช่วยให้เราคัดกรองเบอร์เบื้องต้น รู้ทันถึงที่มาของผู้ส่งและสายโทร.เข้าที่ไม่รู้จัก Community Report หรือการรายงานเพื่อระบุหมายเลขโทรศัพท์หลอกลวงจากผู้ใช้ Whoscall เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถือเป็นการช่วยกันของคนไทยเพื่อเสริมเกราะป้องกันภัยจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี รวมถึงช่วยปกป้องคนที่คุณรัก และสังคมไทยให้พ้นจากการถูกหลอกลวง


ในช่วงปี 2564 การโทร.หลอกลวงมีความแนบเนียนมากขึ้นและมีความถี่สูงขึ้น สายมิจฉาชีพจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่นการโทร.ที่อ้างว่ามาจากคอลเซ็นเตอร์บริการจัดส่งสินค้า ซึ่งเริ่มรุนแรงมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 นั้นถือเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงธันวาคม และจากการหลอกลวงดังกล่าวส่งผลให้เหยื่อสูญเสียเงินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ การฉ้อโกงอีกแบบหนึ่งที่ได้รับการรายงานจากผู้ใช้ Whoscall คือการโทรศัพท์ที่อ้างว่ามาจากตำรวจ โดยกล่าวหาว่าผู้ใช้มีส่วนร่วมในอาชญากรรม เช่น การฟอกเงิน เป็นต้น

อุบัติการณ์การหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยสะท้อนถึงสถานการณ์ในกระแสโลก ที่มีนักต้มตุ๋นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างใช้กลวิธีที่หลากหลาย เช่น ไต้หวันได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงด้านการลงทุนในหุ้นเนื่องมาจากตลาดหุ้นที่เฟื่องฟู ขณะที่ในฮ่องกง มาเลเซีย และเกาหลี มีผู้หลอกลวงโดยการปลอมตัวเป็นอัยการ ในญี่ปุ่น พนักงานบริษัทไฟฟ้าปลอมได้ทำการโทรศัพท์หลอกลวงเพื่อเรียกเก็บค่าบริการบำรุงรักษาจากผู้บริโภค


นอกจากนี้ Whoscall เปิดเผยอีกว่า ในปี 2564 ข้อความหลอกลวงทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 70% ซึ่งลิงก์ฟิชชิ่งเป็นรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยที่สุด โดยเหยื่อจะถูกล่อให้เพิ่มเพื่อนกับบัญชีปลอมบนโซเชียลมีเดีย หรือหลอกให้เข้าถึงเว็บไซต์ปลอม หรือแม้แต่การดาวน์โหลดแอปฯ ที่เป็นอันตราย

อีริค ลี ผู้อำนวยการด้านเทคนิคและการค้นคว้าวิจัยด้านซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี AI ของ Gogolook กล่าวว่า นักต้มตุ๋นมักจะพยายามหลอกล่อให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์ APK ผ่านลิงก์ฟิชชิ่ง โดยไฟล์แอปฯ นี้หลีกเลี่ยงการตรวจสอบและไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่บนแอปสโตร์ต่างๆ หลังการติดตั้ง มัลแวร์นี้อาจมีการเรียกเก็บเงินจำนวนเล็กน้อย หรือขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งมีแนวโน้มว่ากลอุบายที่ได้รับรายงานในประเทศอื่นๆ อาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่รู้จักเพื่อหลีกเลี่ยงการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้น

Whoscall มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100 ล้านครั้งทั่วโลก และสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก App Store และ Play Store เมื่อติดตั้งและตั้งค่าแล้ว Whoscall จะช่วยระบุเลขหมายโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักและยังสามารถสแกนลิงก์จากข้อความ SMS ที่อาจเป็นอันตรายได้
กำลังโหลดความคิดเห็น