xs
xsm
sm
md
lg

“คมนาคม” จ่อออกกฎติดระบบป้องกันล้อล็อก บังคับรถใหม่ตั้งแต่ปี 67 ลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“คมนาคม” เตรียมออกกฎให้รถยนต์ กระบะ รถจักรยานยนต์ผลิตตั้งแต่ปี 67 ต้องติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อกและระบบควบคุมเสถียรภาพเพื่อเพิ่มสมรรถนะและลดอุบัติเหตุ รุกคืบศึกษาเกณฑ์มาตรฐานตัวรถ ช่วยลดความรุนแรงจากการชน

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง ประธานการประชุมคณะอนุกรรมการด้านยานพาหนะปลอดภัยภายใต้คณะกรรมการศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2565 มีมติให้กำหนดมาตรฐานของยานพาหนะในการยกระดับนำไปสู่การปฏิบัติและจัดทำแผนออกประกาศข้อกำหนดทางเทคนิคด้านความปลอดภัยของยานยนต์ อ้างอิงตาม UN Regulation ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในสากลโลก ดังนี้

1. กำหนดแนวทางการดำเนินการติดตั้งระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพไว้เป็นโรดแมป เช่น การติดตั้งเบรกในรถยนต์ กำหนดให้รถยนต์และรถกระบะแบบใหม่ที่ดำเนินการผลิตตั้งแต่ปี 2567 ต้องติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System) และระบบควบคุมเสถียรภาพ (Electronic StabilityControl) และมีระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist System) ตั้งแต่ปี 2569 และพัฒนาไปสู่ระบบเสริมแรงเบรก (Braking Assistant System) เพื่อนำไปสู่ระบบเบรกอัตโนมัติในปี 2571 เพื่อให้รถยนต์และรถกระบะมีสมรรถนะด้านการหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด

2. กำหนดมาตรฐานตัวรถกำหนดภายในปี 2568 จะต้องมีความปลอดภัยของรถเป็นไปตามมาตรฐานการชนด้านหน้า และด้านข้าง (Frontal and Lateral Collision) ตามมาตรฐานสากล และนำมาตรฐานความปลอดภัยกรณีชนคนเดินเท้า (Pedestrian Safety) ที่จะต้องมีตัวถังที่ออกแบบซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงจากการชน เป็นต้น

3. กรณีรถจักรยานยนต์ ที่ประชุมได้มอบนโยบายให้เร่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น กำหนดให้ระบบห้ามล้อของรถจักรยานยนต์ใหม่ทุกขนาดจะต้องติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมกำหนดมาตรฐานการติดตั้งโคมไฟส่องสว่างและแสงสัญญาณ (UN R53 Installation of Lighting and Light-Signaling) ตั้งแต่ปี 2567

4. สำหรับการพัฒนาความปลอดภัยจากการเกิดอุบัติเหตุกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ประชุมได้พิจารณากำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการออกมาตรฐานอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างและด้านท้าย (Lateral andRear-Underrun Protection) เพื่อลดความรุนแรงจากการชนด้านข้างหรือด้านท้ายของรถบรรทุก ออกมาตรฐานการติดตั้งอุปกรณ์มองภาพ (Indirection Vision) ในรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อลดความเสี่ยงจากการไม่เห็น เป็นต้น

โดยได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) การศึกษาเทคโนโลยีความปลอดภัยอื่นๆ ที่กำลังพัฒนา เพื่อกำหนดมาตรการในการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น Intelligent Speed Assistance ซึ่งจะช่วยเตือนเวลารถขับเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด หรือระบบ Forward Collision Warning System ที่จะช่วยเตือนการชนในกรณีที่รถมีสิ่งกีดขวางด้านหน้า เป็นต้น

โดยให้ ขบ.เปิดการรับฟังความเห็นจากภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาชน รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียในวงกว้าง เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาอุปสรรคหรือแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม และก่อนออกประกาศกำหนดมาตรฐานรถที่จดทะเบียนในประเทศไทยตามมาตรฐานที่กำหนดการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยดังกล่าว ให้ ขบ.เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ Public Hearing เพื่อให้ประชาชน นักวิชาการ องค์กรภาคราชการ เอกชน และผู้ผลิตรถหรือ
ยานพาหนะต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็นก่อนดำเนินการสรุปแนวทางการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น