ผู้จัดการรายวัน 360 – แม่ทัพใหม่ซีพีเอ็น เปิดวิชั่นนำพาองค์กรเติบโต ชู 3 กลยุทธ์หลัก พร้อมทุ่มงบลงทุนตามแผน 5 ปี รวม 120,000 ล้านบาท ผุดโครงการใหม่ พร้อมดันอีก 3 ขาธุรกิจโฟกัสมากขึ้นทั้ง ที่พักอาศัย ออฟฟิศ และ โรงแรม
นางวัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังดำรงตำแหน่งใหม่ว่า บริษัทฯได้วางแผนธุรกิจยาวรอบใหม่ช่วง 5 ปีีจากนี้ ( ปี2565-2569) โดยจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 120,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆและปรับปรุงโครงการเก่า และอื่นๆ รวมทั้งการให้ความสำคัญมากขึ้นกับธุรกิจอื่นอีก 3สาขาที่เป็นมิกซ์ยูสของเรา ที่ทำอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้เน้นมากนัก รวมเป็น 4 สาขาคือ ศูนย์การค้า ซึ่งจะมีัดส่วนการลงทนและรายได้หลักอยู่ที่ 70%, กลุ่มที่อยู่อาศัย %, กลุ่มอาคารสำนักงาน และกลุ่มโรงแรม รวมสัดส่วน 30%
ทั้งนี้มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในระยะยาวจากนี้ทั้่ง 4 กลุ่มธุรกิจคือ 1.ธุรกิจศูนย์การค้าหรือรีเทล จากปัจจุบันมี 36 โครงการ ใน 24จังหวัด จะพัฒนาเพิ่มอีก 14 โครงการ รวมเป็น 50 โครงการ ภายใน 5 ปีจากนี้, 2.ธุรกิจที่พักอาศัย ปัจจุบันมี 23 โครงการ จะพัฒนาเพิ่มอีก 45 โครงการ รวมเป็น 68 โครงการ, 3ธุรกิจอาคารสำนักงาน ปัจจุบันมี 10 โครงการ จะพัฒนาเพิ่มอีก 3 โครงการ รวมเป็น 13โครงการ และ 4. ธุรกิจโรงแรม ปัจจบันมี 2 โครงการ จะพัฒนาเพิ่มอีก 35 โครงการ รวมเป็น 37 โครงการ
สำหรับโครงการรีเทลที่่เพิ่งเปิดใหม่ในปี2565 นี้คือ เซ็นทรัลวิลเลจเฟสที่2เปิดเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา และในเดือนพฤษภาคมจะเปิดเซ็นทรัลพลาซ่าจันทบุรี รวมทั้งจะมีการเปิดโซนใหม่ของเซ็นทรัลเวิลด์ที่เป็นพื้นที่เดิมของอิเซตัน ขณะที่ธุรกิจที่พักอาศัยที่ทำการพัฒนามาแล่้ว 6 ปี มีการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าไปแล้ว ปีนี้จะลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท ทั้งในแง่ของแนวราบกับแนวสูง
ส่วนศูนย์การค้าสาขาเก่าจะพยายามทำให้เป็นโครงการรูปแบบมิกซ์ยูสมากที่สุดตามนโยบายของซีพีเอ็นที่จ่ะประกอบไปด้วย ศูนย์การค้า และจะมีเพิ่มทั้งที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม ในสาขาที่สามารถทำได้ คาดา่าจะมีจำนวน 50% ของโครงการท้ังหมดที่ทำเป็นมิกซ์ยูสได้
ส่วนในตลาดต่างประเทศ นางวัลยา กล่าวว่า เราก็สนใจโดยเฉพาะในตลาดเซาท์อีสท์เอเซีย ซึ่งขณะนี้ก็มีการศึกษาโครงการในเวียดนามประมาณ 2-3 โครงการ แต่ด้วยความที่เวียดนามเป็นประเทศที่มีความยากในการลงทุน จึงต้องใช้ระยะเวลานานหน่อย
ขณะที่ในมาเลเซียที่เปิดโครงการไปแล้ว ประมาณ 3 ปี ปัจจุบันก็เริ่มดีขึ้นตามเป้าหมาย
โดยปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนามีส่วนช่วยสร้างเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเทียบเท่าประมาณ 1% ของ GDP ของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และในอีก 5 ปีข้างหน้า จะยังคงเติบโตเช่นนี้ และทำให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 150,000 ตำแหน่ง ที่อยู่ใน sustainable ecosystem ของเซ็นทรัลพัฒนา
โดยภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่
เซ็นทรัลพัฒนาเดินหน้าสร้าง
Better
Futuresด้วย
3
กลยุทธ์สำคัญ
ได้แก่
กลยุทธ์ที่
1:
SYNERGY for new solutionsผนึกกำลังทุกฝ่าย
สร้างแพลตฟอร์มยกระดับการใช้ชีวิตและธุรกิจอย่างครบวงจร
Synergy
within Retail-Led Mixed-Use Development:
ผนึกกำลังทุกองค์ประกอบที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัลพัฒนา
มอบประสบการณ์ที่Seamless
โดยให้ศูนย์การค้าเป็นธุรกิจหลัก
(Retail-Led
Mixed-use development)ทั้งศูนย์การค้า,
ที่อยู่อาศัย,
อาคารสำนักงาน
และโรงแรม โดยในอีก5
ปี
(2022-2026)
บริษัทฯ
จะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
อยู่ในมากกว่า30
จังหวัด
ซึ่งจะทำให้จำนวนโครงการทั้งหมด
(รวมปัจจุบันและอนาคต)
ได้แก่
ศูนย์การค้า50
แห่ง
ทั้งในและต่างประเทศ
และคอมมูนิตี้มอลล์16
แห่ง
(อยู่ระหว่างการศึกษาการขยาย),
โครงการที่พักอาศัย
68
แห่ง,
อาคารสำนักงาน
13
แห่ง
และโรงแรม37
แห่ง
โดยมากกว่า50%
ของโครงการทั้งหมดจะเป็นรูปแบบมิกซ์ยูสที่มีมากกว่า
1
ธุรกิจ
และมีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญ
โดยเร่งขยายการเติบโตของทุกๆ
ธุรกิจพร้อมกันไปอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งทั้งหมดจะเชื่อมโยงยกระดับการใช้ชีวิตทุกรูปแบบทั้ง
shop-work-stay-play-live
ด้วยโครงการรีเทลที่เติมเต็มทุกฟอร์แมตและเทรนด์ใหม่ๆ,
โครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์ในเครือเพื่อลูกบ้านเซ็นทรัล
พร้อมเชื่อมต่อออฟฟิศให้เป็นสถานที่ที่ทำงานที่ดีที่สุดเพราะใกล้ศูนย์การค้าและโรงแรม
รวมถึงปั้นโรงแรมแบรนด์น้องใหม่
เพื่อยกระดับทำให้ทุกเมืองเป็นเมืองท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งทีมBusiness & Digital Transformationลงทุน 450 ล้านบาทในปี 2022 เพื่อทรานฟอร์มสู่การเป็น Omnichannel Platformซึ่งมากกว่าการเชื่อม offline และ online แต่ยังเชื่อมโยงทุกธุรกิจใน ecosystem เข้าด้วยกัน และเชื่อมโยงธุรกิจที่อยู่กับเราไปยังลูกค้าด้วยเป็น B2B2C สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในอนาคต
- Synergy with business partners: มุ่งมั่นสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของคู่ค้า พร้อมจัดตั้งทีมPartner Championsที่จะเป็น Business Consultantในการเป็น End-to-End Solutionsให้กับคู่ค้าอย่างครบวงจร ได้แก่ การช่วยเหลือการเติบโตและขยายสาขาด้วยโมเดล Co-investment, Funding,และ Franchise การช่วยเหลือด้าน Business Operationต่างๆ, การใช้ Big Dataจาก The 1และ The 1 Biz,และ Retail Omnichannelเพื่อส่งเสริมและผลักดันธุรกิจของคู่ค้า, รวมไปถึงการจัดการ Transaction และบริการต่างๆ ที่จะช่วยพันธมิตรทุกราย
- Synergy with communities:ทุกโครงการของเซ็นทรัลพัฒนามีส่วนสะท้อนอัตลักษณ์ Local Essenceของชุมชน ทั้งได้ด้านArt & Cultureรวมไปถึง Local Wealthการสร้างและกระจายรายได้ให้กับชุมชน นอกจากนี้ ยังเป็นแพลตฟอร์มยกระดับ SMEs และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในแบบ Cross-Region ให้ผู้ประกอบการ, เกษตรกร และอาชีพต่างๆ ได้เข้าถึงพื้นที่การขายและลูกค้า โดยรวมแล้วไม่ต่ำกว่า40,000 ตร.ม. หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทต่อปี
กลยุทธ์ที่ 2: PIONEER for better lives สร้างมาตรฐานใหม่ของพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่ดีในอนาคต ต่อไปนี้ภายในทุกโครงการใหม่ของเซ็นทรัลพัฒนาจะมีการบริหารจัดการที่ใส่ใจหัวใจสำคัญ 2 ด้านเพื่อการใช้ชีวิตของทุกคนอย่างยั่งยืน ได้แก่
- Green & Energyด้วย Green Building Standardมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากล, ติดตั้งเซลล์ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในทุกโครงการ, พัฒนาอาคารอัจฉริยะหรือ Building Automation,การเพิ่มจุด EV Chargingและ Recycle Stationสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นต้น
- Health & Wellnessพื้นที่ที่มีส่วนช่วยยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คน ด้วยการตอกย้ำแผนแม่บทและมาตรการด้านความสะอาดและความปลอดภัย, การเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้ง indoor-outdoor, การออกแบบที่ตอบสนองคนทุกกลุ่ม (Inclusive Design)ให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนมาใช้ได้จริง รวมถึงพื้นที่เพื่อชุมชน เช่น ลานออกกำลังกาย, สนามเด็กเล่น, ศูนย์การเรียนรู้, ศูนย์ฉีดวัคซีน, พื้นที่รับบริจาคโลหิต, พื้นที่เพื่อ well-being สำหรับชุมชน เป็นต้น
กลยุทธ์ที่ 3: OPPORTUNITIES with Purposeขับเคลื่อนสังคมและธุรกิจ เปิดโอกาสให้ทุกคน เป็นองค์กรแห่งการสร้าง ‘โอกาส’ พัฒนาคน พัฒนาเมือง พัฒนาประเทศ และยกระดับวงการอสังหาฯ และรีเทลของไทย เทียบเท่าระดับโลก เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน
- ให้คนได้มาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ จับคู่ทางธุรกิจ และขยายไปทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการCentral Pattana Leadและ Retail Academy
- สร้าง Local Wealthให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ ขยายความเจริญจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในจังหวัด
- ให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาร่วมงานกับเซ็นทรัลพัฒนา ผ่านโปรแกรมให้ได้ทดลองไอเดียใหม่ๆ เช่นRetail Hackathonซึ่งนำไปต่อยอดจริง
- ให้โอกาสอย่างทั่วถึงกับกลุ่มคนที่หลากหลาย LGBTQ+ ข้อจำกัดทางร่างกาย บุคคลพิเศษ และมีความเป็น Global Citizenให้ความสำคัญกับ Global Valuesอาทิ Human Rights, Equality, Diversityเป็นต้น
จากกลยุทธ์ทั้งหมดนำไปสู่การสร้าง Big impactในเชิงเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของทุกเจเนอร์เรชั่น โดยนางสาววัลยากล่าวต่อไปว่า “ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำตาม Brand Commitmentสำคัญคือการเดินหน้าสร้าง Sustainable Ecosystemที่แข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อผู้คนและโลก ยืนหยัด สร้างพื้นที่ที่มีคุณภาพ ส่งเสริมการใช้ชีวิตในทุกมิติ สร้างสรรค์สิ่งที่ที่ดีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยและประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน ได้แก่
- ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชนทั่วประเทศ: โดยปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนามีส่วนช่วยสร้างเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเทียบเท่าประมาณ 1% ของ GDP ของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และในอีก5 ปีข้างหน้า จะยังคงเติบโตเช่นนี้ และทำให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 150,000 ตำแหน่ง ที่อยู่ในsustainable ecosystemของเซ็นทรัลพัฒนา
- ตั้งเป้าเป็นองค์กร Mixed-use Developerรายแรกสู่ Net Zeroภายในปี 2050 ด้วยแผนระยะยาวตั้งเป็น Net Zero Carbon Emissionให้ได้ผ่านการลดการใช้พลังงานให้ได้ 50% ลดการใช้ CFC และสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศ และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดหรือ Clean Energyให้ได้อีก 50% นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและภายนอกโครงการให้ได้ถึง 1 ล้านต้นโดยเร็วอีกด้วย”