xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.กำไรปี64พุ่ง1.08แสนล. โตขึ้น187%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปตท.โกยกำไรปี64โตเท่าตัวอยู่ที่ 108,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น187%จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37,765 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลประจำปี64อัตรา 2บาท/หุ้น โดยจะจ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี64ที่อัตรา 0.80บาท/หุ้น

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(PTT) เปิดเผยผลประกอบการในปี2564 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 108,363.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70,597 ล้าน บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ187จากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 37,765.80 ล้านบาท

สำหรับปี2564 บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,258,818 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 643,153 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.8 จากปี 2563มาจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยหลักจากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และธุรกิจน้ำมันจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเศรษฐกิจของปีก่อน


ทั้งนี้ ปตท.และบริษัทย่อยมี EBITDAในปี2564 จำนวน 427,956 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 89.6 จากปีก่อน โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่เพิ่มข้ึนอย่างมากจากค่าการกลั่นทางบัญชี(Account GRM)ที่ปรับเพิ่มข้ึนจากที่ขาดทุน 0.4เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2563เป็นกำไร 5.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2564 รวมถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบที่ปรับสูงข้ึนทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์

นอกจากน้ีในปี2564 มีกำไรสต๊อกน้ำมันของกลุ่มปตท.ประมาณ 46,000 ล้านบาทตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มข้ึน เทียบกับปี 2563 ที่ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 19,000 ล้านบาท

ในส่วนของผลการดำเนินงานของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปรับเพิ่มข้ึนเช่นกัน โดยหลักจากปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นโดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯและธุรกิจจัดหาและจำหน่ายก๊าซฯตามราคาราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น รวมถึงธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีผลการทำงานเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างราคาซื้อและขายผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบและคอนเดนเสทในประเทศที่เพิ่มขึ้น


นายอรรถพล กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) คร้ังที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เห็นสมควรเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิจากผลประกอบการปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท เมื่อหักเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 1.20 บาท มีเงินปันผลที่จะจ่ายสําหรับผลประกอบการครึ่งหลังปี2564 อีกในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท โดยคณะกรรมการ ปตท. ได้มีมติกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์รับเงินปันผลในวันที่ 4 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังปี 2564 ในวันที่ 29 เมษายน 2565

ส่วนแนวโน้มในปี2565 เศรษฐกิจโลก
มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากปี 2564 โดยเฉพาะครึ่งแรกของปี จากหลายประเทศกลับมาดําเนินมาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 ที่เข้มงวดขึ้น การขาดแคลนปัจจัยการผลิต การชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานโลก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง เงินเฟ้อสูงขึ้นมาก ตามรายงานของ IHS ณ เดือนมกราคม 2565 ความต้องการใช้น้ํามันของโลกในปี 2565 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 100.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ํามันดิบในปี 2565 จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 81-86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 5.4-6.4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564 ในสายโอเลฟินส์ มีแนวโน้มทรงตัวจากการขึ้นใหม่ของกําลังการผลิต แม้ว่าอุปสงค์จะเริ่มฟื้นตัวตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ในขณะที่สายอะโรเมติกส์ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ราคาน้ํามันดิบและแนฟทา ทั้งนี้ส่วนต่างระหว่างผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์กับแนฟทามีแนวโน้มลดลงจากอุปทานใหม่ที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น