ผู้จัดการรายวัน 360 - ฟันธงมูลค่าตลาด Plant-based Food ปี 67 ทะลุ 2 หมื่นล้าน โตอย่างน้อยปีละ 10% ทุกปี มิตรผลเห็นโอกาส ผนึกกำลัง Meat Avatar ส่งผลิตภัณฑ์เพื่อคนรักสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำจุดยืนด้านความยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าพาธุรกิจ Food Tech Startup ไทยสู่เวทีการค้าระดับโลก
นายวรเดช ฉันทศาสตร์โกศล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Energy & New Business กลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า กลุ่มมิตรผลดำเนินงานโดยยึดหลัก ESG (environmental, social and governance) ภายใต้ปรัชญา “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” ในการพัฒนาธุรกิจ ด้วยการนำการวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดการใช้ทรัพยากรชีวภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อมุ่งสู่ New S-curve เช่น Future food ประจวบเหมาะกับเทรนด์การบริโภค Plant-based Food ที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงเทรนด์การรับประทานอาหารมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น ที่ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบในยุคนี้
ล่าสุดจึงได้จับมือกับ Meat Avatar ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จำแลงจากพืช (Plant-based Meat) สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตเพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้บริโภค และต่อยอดศักยภาพธุรกิจ Food Tech Startup ไทยให้เติบโตสู่การแข่งขันในเวทีการค้าโลก ควบคู่ไปกับการร่วมกันดำเนินธุรกิจเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
“มิตรผลอยากผลักดันสตาร์ทอัพไปสู่เวทีโลก ซึ่งการเข้าสนับสนุน มีท อวตาร ถือเป็นที่แรกที่มิตรผลเริ่มดำเนินการ เพราะมองว่าเป็นกลุ่มธุรกิจด้านอาหารเหมือนกัน จึงอยากผลักดันไปสู่เวทีโลกไปด้วยกัน”
โดยทิศทางการสนับสนุนแบรนด์ Meat Avatar ในเชิงธุรกิจด้วยการมุ่งเสริมทัพความแข็งแกร่งใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. การเสริมทัพด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมอาหารที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในอนาคต 2. การเสริมศักยภาพด้านกระบวนการผลิต เพื่อเตรียมรองรับการขยายฐานการเติบโตในอนาคต และ 3. การเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ เพื่อขยายฐานลูกค้า ในฐานะที่กลุ่มมิตรผลอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารมายาวนาน มีฐานการผลิตในหลายประเทศ จึงสามารถช่วยสร้างโอกาสการขยายธุรกิจในต่างประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล
ด้านนายวิภู เลิศสุรพิบูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีท อวตาร จำกัด กล่าวว่า Meat Avatar เป็นธุรกิจ Food Tech Startup ที่มุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอ Plant-based Meat ที่มีคุณภาพ โดยมีความตั้งใจอยากให้คนไทยได้รับประทานอาหาร Plant-based ในราคาไม่แพง เพราะความได้เปรียบของเมืองไทยที่เป็นเมืองเกษตรกรรม ควบคู่ไปกับการได้สนับสนุนเกษตรกรไทย มารวมกับความโดดเด่นของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบหมูกรอบ หมูสับ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในสไตล์เมนูอาหารที่คนไทยและชาวเอเชียชื่นชอบ แตกต่างจาก Plant-based Meat ของต่างประเทศที่มักมาในรูปแบบเนื้อเบอร์เกอร์
ปัจจุบันมีท อวตาร มีผลิตภัณฑ์จาก Plant-based Food ที่วางตลาดอยู่ 2 ตัว คือ หมูกรอบ และหมูสับ ตลอดปีนี้จะวางตลาดเพิ่มอีกราว 10 ตัว ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์จาก Plant-based Food วางไว้ประมาณ 5 กลุ่ม คือ เรดดี้ทูอีท, สแน็ก และไอศกรีม เป็นต้น โดยในอนาคตจะเพิ่มความหลากหลายด้วยผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ เพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากขึ้น เช่น ปลา ปลาหมึก เป็นต้น รวมถึงเตรียมบุกตลาด Ready to eat
โดยร่วมมือกับแบรนด์ร้านอาหารต่างๆ นำความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายมาเสริมทัพกันเพื่อสร้างสรรค์ไอเดียนวัตกรรม Plant-based Food ที่ยิ่งใหญ่ออกสู่ตลาดต่อไป หรือในปีนี้จะเน้นทำตลาดในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% ซึ่งมีสนใจเข้ามา เช่น จีน ฮ่องกง และออสเตรเลีย เป็นต้น
ปัจจุบันตลาด Plant-based Food มีมูลค่าราว 20,000 กว่าล้านบาท ในประเทศไทยอีก 5 ปีน่าจะเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาท เฉลี่ยโตปีละ 10% ส่วนสำคัญมาจากแบรนด์ใหญ่เข้ามาลงเล่นมากขึ้น ยิ่งทำให้ Plant-based Food กลายเป็นทางเลือกใหม่ในใจของผู้บริโภคหลายๆ คน ขณะที่มีท อวตาร ตั้งเป้าว่ารายได้ช่วง 1 ปีจากนี้จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท