การตลาด - ตลาดงบโฆษณารวมของปี 2564 ปิดฉากไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อนีลเส็นเปิดเผยรอบล่าสุดงวดเดือนธันวาคม สรุปรวมทั้งปี 2564 มูลค่าอยู่ที่ 107,151 ล้านบาท ผ่านหลักแสนล้านบาทชนิดหืดขึ้นคอ แต่ยังทำได้ดีเพราะต่ำกว่าปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย
บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงมูลค่าภาพรวมของเม็ดเงินโฆษณาที่สรุปตลอดทั้งปีที่แล้วปี 2564 ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม ปี 2564 มีมูลค่ารวมประมาณ 107,151 ล้านบาท ลดลง 1% จากปีก่อนหน้า (ปี 2563) ที่มีมูลค่าประมาณ 107,719 ล้านบาท ส่วนภาพรวมเดือนธันวาคมเดือนเดียวปี 2564 มีมูลค่า 9,919 ล้านบาท ลดลง 6% จากเดิมที่มี 10,542 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปี 2564 แยกตามประเภทสื่อทั้งปีพบว่า สื่อทีวีมีมูลค่า 63,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากเดิมปี 2563 ทั้งปีที่มีมูลค่า 63,170 ล้านบาท, สื่ออินเทอร์เน็ต มีมูลค่า 23,315 เพิ่มขึ้น 11% จากเดิมที่มี 21,058 ล้านบาท, สื่อเอาต์ดอร์และสื่อเคลื่อนที่ มีมูลค่า 9,709 ล้านบาท ตกลง 12% จากเดิมที่มี 10,985 ล้านบาท
สื่อวิทยุ มีมูลค่า 3,261 ล้านบาท ตกลง 9% จากเดิมที่มีมูลค่า 3,602 ล้านบาท, สื่อสิ่งพิมพ์ มีมูลค่า 3,108 ล้านบาท ตกลง 19% จากเดิมที่มี 3,835 ล้านบาท, สื่อโรงหนัง มีมูลค่า 3,420 ล้านบาท ตกลง 22% จากเดิมที่มี 4,395 ล้านบาท, สื่ออินสโตร์ มูลค่า 676 ล้านบาท ส่วนปีที่แล้วใช้ 674 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมเฉพาะเดือนธันวาคม ปี 2564 เทียบธันวาคม ปี 2563 พบว่า สื่อทีวี มีมูลค่า 5,678 ล้านบาท ลดลง 5% จากเดิมที่มีมูลค่า 5,967 ล้านบาท, สื่ออินเทอร์เน็ต มีมูลค่า 1,931 ล้านบาท ไม่แตกต่างจากเดิมที่มีมูลค่า 1,927 ล้านบาท, สื่อเอาต์ดอร์และเคลื่อนที่ มีมูลค่า 965 ล้านบาท ลดลง 15% จากเดิมที่มีมูลค่า 1,132 ล้านบาท, สื่อวิทยุ มีมูลค่า 311 ล้านบาท ลดลง 3% จากเดิมที่มี 322 ล้านบาท, สื่อสิ่งพิมพ์ มีมูลค่า 292 ล้านบาท ลดลง 21% จากเดิมที่มี 371 ล้านบาท, สื่อโรงหนัง มีมูลค่า 673 ล้านบาท ลดลง 10% จากเดิมที่มี 746 ล้านบาท และสื่ออินสโตร์ มีมูลค่า 69 ล้านบาท ลดลง 10% จากเดิมที่มี 77 ล้านบาท
สรุปเดือนธันวาคม ทุกสื่อล้วนตกอยู่ในภาวะที่มูลค่าตลาดลดลงทั้งหมด
เมื่อแบ่งตามประเภทอุตสาหกรรมประเภทธุรกิจของการใช้งบโฆษณาแล้ว พบว่ากลุ่มที่ใช้งบมากที่สุดของปี 2564 เรียงตามลำดับ 20 กลุ่มสูงสุด คือ 1. กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่า 18,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%, 2. กลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์และเครื่องสำอาง มูลค่า 14,853 ล้านบาท ลดลง 3%, 3. กลุ่มสื่อและการตลาด มูลค่า 11,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1%, 4. กลุ่มยานยนต์ มูลค่า 8,204 ล้านบาท ลดลง 4%, 5. กลุ่มยา มูลค่า 5,751 ล้านบาท ลดลง 2%,
6. กลุ่มรีเทลชอปและร้านอาหาร มูลค่า 5,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%, 7. กลุ่มสื่อสาร มูลค่า 4,218 ล้านบาท ลดลง 11%, 8. กลุ่มของใช้ในครัวเรือน มูลค่า 4173 ล้านบาท ลดลง 4%, 9. กลุ่มการเงิน มูลค่า 3,662 ล้านบาท ลดลง 21%, 10. กลุ่มรัฐบาลและราชการ มูลค่า 2,559 ล้านบาท ลดลง 21%
11. กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า 2,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%, 12. กลุ่มท่องเที่ยว มูลค่า 1,136 ล้านบาท ลดลง 59%, 13. กลุ่มพลังงาน มูลค่า 1,133 ล้านบาท ทรงตัว, 14. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 1,024 ล้านบาท ลดลง 11% , 15. กลุ่มการเกษตร มูลค่า 605 ล้านบาท ลดลง 23%, 16. กลุ่มผ้า มูลค่า 474 ล้านบาท 7% , 17. กลุ่มการศึกษา มูลค่า 446 ล้านบาท ลดลง 28%, 18. กลุ่มวัสดุอาคารและเครื่องจักร 440 ล้านบาท ลดลง 30%, 19. กลุ่มอุปกรณ์ มูลค่า 346 ล้านบาท ลดลง 4% และ 10. กลุ่มบันเทิง มูลค่า 298 ลดลง 43%
สรุปในส่วนประเด็น กลุ่มที่ใช้งบโฆษณา พบว่ามีเพียง 4 กลุ่มเท่านั้นที่มีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้น คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น 8%, กลุ่มสื่อและการตลาด เพิ่มขึ้น 1%, กลุ่มรีเทลชอปและร้านอาหารเพิ่มมากถึง 20% และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 38%
สำหรับ 10 บริษัทที่ใช้งบโฆษณาสูงที่สุดตลอดทั้งปี 2564 คือ 1. บริษัท UNILEVER (THAI) HOLDINGS CO.,LTD. ที่ยังคงครองตำแหน่งนี้มานานตลอดกาล ด้วยมูลค่า 4,575 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 9% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาคือ ผมนุ่มสวยสยบรังแค ครบ จบ เคลียร์ ทางสื่อทีวีมูลค่า 31 ล้านบาท รองลงมาคือ วาสลีน สูตร กลูตาโกลว์ #ผิวดีชีวิตก็สุด ทางสื่อทีวี มูลค่า 25 ล้านบาท
2. บริษัท NESTLE(THAI) CO.,LTD. มูลค่า 3,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 7% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาคือ มิเนเร่ ดื่มสิ่งดีๆ จากธรรมชาติได้ทุกวัน ทางสื่อทีวี มูลค่า 47 ล้านบาท รองลงมาคือ เนสท์เล่ เพียวไลท์ สะอาดสดชื่น จนคุณรู้สึกได้ ทางสื่อทีวี มูลค่า 24 ล้านบาท
3. บริษัท PROCTER & GAMBLE (THAILAND) มูลค่า 2,255 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 7% โดยแคมเปญที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คือ ดาวน์นี่ สวนลาเวนเดอร์ฝรั่งเศส หอมผ่อนคลายตลอดวัน ทางสื่อทีวี มูลค่า 18 ล้านบาท รองลงมาคือ ใช้ ดาวน์นี่ เพื่อให้เสื้อคุณหอมสดชื่นตลอดวัน ทางสื่อทีวี มูลค่า 12 ล้านบาท
4. บริษัท แมส มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ใช้งบ 1,982 ล้านบาท, 5. บริษัท โมโน ช้อปปิ้ง จำกัด ใช้งบ 1,896 ล้านบาท, 6. บริษัท โคคา โคลา ประเทศไทย จำกัด ใช้งบ 1,478 ล้านบาท, 7. บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด ใช้งบ 1,335 ล้านบาท, 8. บริษัท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอช้อปปิ้ง จำกัด, 9. บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ 10. บริษัท คอลเกต ปาล์มโอลีฟ ประเทศไทย จำกัด